ทองคำจะแพงทะลุระดับ 3,000$/oz ได้ในทศวรรษนี้

ทองคำจะแพงทะลุระดับ 3,000$/oz ได้ในทศวรรษนี้

ปีนี้ราคาทองคำทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 2,072$/oz ได้ในวันที่ 1ธ.ค. และทรงตัวเหนือ 2,000$/oz ในปัจจุบัน ขณะที่ทองคำปีหน้า ประเมินที่ระดับ 1,900-2,400 $/oz จาก 4 เรื่องหลัก แนวโน้มราคา เศรษฐกิจ ค่าเสียโอกาสการลงทุน และความเสี่ยงเรื่องไม่คาดฝัน

ช่วงต้นปี 2023 ถ้าให้สมมุติฐานว่า ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นมาถึงระดับ 5.50% ตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวบวกเกิน 20% ขณะที่เงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

แล้วตั้งคำถามว่า “ราคาทองคำควรเป็นเท่าไหร่” คงไม่มีใครกล้าตอบเต็มปากว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นจนทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้แน่

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ คือราคาทองคำเปิดปีที่ระดับ 1,824$/oz ลงไปทำจุดต่ำสุดเพียง 1,811$/oz และทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 2,072$/oz ได้ในวันที่ 1ธ.ค. และทรงตัวเหนือ 2,000$/oz ในปัจจุบัน

นั่นหมายความว่า โครงสร้างราคาทองคำอาจไม่เหมือนอดีต ความสัมพันธ์ของทองคำกับตลาดการเงินและเศรษฐกิจช่วงนี้จึงสำคัญมาก เพราะไม่ใช่เพียงแค่จะกำหนดทิศทางของราคาทองในระยะสั้น แต่อาจส่งสัญญาณถึงกรอบการซื้อขายทองคำในทศวรรษข้างหน้า

ราคาทองมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบใด และจุดสูงสุดในอนาคตควรอยู่ตรงไหนจึงเป็นคำถามที่เราต้องคิดหาคำตอบเอาไว้ก่อน

สำหรับกรอบราคาทองคำปี 2024 ผมประเมินว่าอยู่ที่ระดับ 1,900-2,400 $/oz จากสี่เรื่องหลัก ประกอบด้วย แนวโน้มราคา เศรษฐกิจ ค่าเสียโอกาสการลงทุน และความเสี่ยงเรื่องไม่คาดฝัน

ในรอบปีที่ผ่านมา ทองคำทำผลตอบแทนไม่ดีแค่สองช่วงคือตลาด Risk-Off (หุ้นลง ยีลด์ลง) และ Monetary Tightening (หุ้นลง ยีลด์ขึ้น) ติดลบในกรอบ 0.2-1.0% ต่อสัปดาห์ แต่ในช่วงที่หุ้นขึ้น ไม่ว่ายีลด์จะไปทางไหน ทองคำก็ปรับตัวบวกขึ้นได้เฉลี่ย 1.2-2.0% ต่อสัปดาห์

รูปแบบของการเคลื่อนไหวนี้เกิดจากหลายเหตุผล ตั้งแต่ดอกเบี้ยระดับ 5% ไม่ได้กดดันทองคำมากเท่ากับที่คิด ความเสี่ยงไม่คาดฝันเกิดขึ้นบ่อยกว่าปรกติ และแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวที่มีความเสี่ยงถดถอยรออยู่ ดูจะเป็นภาวะที่ดีกับทองคำมากที่สุด

ทองคำจะแพงทะลุระดับ 3,000$/oz ได้ในทศวรรษนี้

ในปี 2024 กรณีที่แย่ที่สุดจึงควรเป็นการที่ ดอกเบี้ยไม่ลด เศรษฐกิจไม่ถดถอยแต่ดอลลาร์แข็งค่า สถาณการณ์คล้ายคลึงกับปีนี้ แต่ตัดประเด็นสงครามออกไป ราคาจึงอาจไม่ไปไหนถึงอ่อนตัวลง 5-10% ไปที่ 1,900 $/oz

ส่วนกรณีที่ดีที่สุด ผมมองว่าจะเกิดขึ้นถ้าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยสั้นๆ แต่เฟดลดดอกเบี้ยเร็ว กดดันดอลลาร์อ่อนค่า ในอดีตเหตุการณ์ลักษณะนี้มักเกิดขึ้นหลังการจ้างงานขยายตัวเต็มที่ไปแล้วราว 5-13 เดือน ด้วยแนวโน้มของทองคำที่เป็นขาขึ้นอยู่ ราคาทองคำจะสามารถบวกต่อได้ 15-20% หรือสูงสุดราว 2,400 $/oz

ส่วนราคาทองคำจะไปได้ไกลแค่ไหนในอีกสิบปีข้างหน้า ผมประเมินว่าระดับ 3,000-3,300 $/oz เป็นไปได้ด้วยสองประเด็นหลัก คือการถือครองของธนาคารกลางต้องเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงโครงสร้างภูมิรัฐศาสตร์ต้องไม่ลดลง

ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 6-7% ต่อปี ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นเป็นเท่าตัวได้ในระยะยาว 

เหตุผลหลักคือ ทองคำสามารถปรับบริบทของตัวเองเปลี่ยนไปได้ตามตลาด เช่นในช่วงแรกเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ ต่อมาก็เป็นสินทรัพย์รักษาความมั่งคั่ง หรือช่วงทศวรรษล่าสุดก็กลายเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงดอกเบี้ยต่ำ

ในอนาคต เรื่องใหม่ที่จะทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นได้ในเชิงโครงสร้าง คือการถือครองของธนาคารกลางที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

รายงาน Gold Reserves Survey จาก World Gold Council ล่าสุด ชี้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มการถือครองทองคำมากขึ้นต่อเนื่องด้วยหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น การกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์ สภาพคล่องที่สูงกว่าสินทรัพย์ทางเลือกอื่น นอกจากนี้ยังปรับตัวลงน้อยในช่วงวิกฤติ ทำให้สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว

ด้วยบริบทที่ทั่วโลกต้องการลดการกระจุกตัวของดอลลาร์ ธนาคารกลางทั่วโลกที่ถือครองทองคำอยู่ระดับ 10-15% จึงอาจเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 25% (เท่ากับสัดส่วนของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางของประเทศในกลุ่ม Emerging Markets 

ส่วนในเชิงเหตุการณ์ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น หรือความเสี่ยงไม่คาดฝันที่มีมากขึ้นก็เป็นปัจจัยบวกต่อราคาได้

แนวโน้มนี้ชัดเจนในช่วงโควิดและวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน หรือสงครามในกาซา ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่มความกลัวให้กับตลาด ยิ่งในช่วงที่ตลาดมีโครงสร้างกระจุกตัวในหุ้นรายตัว บางประเทศมาก ความสำคัญของทองคำในเรื่องการไม่มี ไม่มี Credits และ Default Risk จะโดดเด่นมากขึ้น

ดังนั้น ด้วยราคาทองคำเฉลี่ย 120เดือนย้อนหลังที่ 1,550 $/oz เป็นไปได้ที่จะเห็นทองคำปรับตัวขึ้นถึง 3,000-3,300 $/oz ได้ใน 10ปีข้างหน้า

โดยสรุป ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ถ้านักลงทุนยังกังวล ผมแนะนำจัดสัดส่วนให้เหมาะสมไม่เกิน 10-20% ของพอร์ต และจับตาความเสี่ยงหลักของทองคำ คือเศรษฐกิจของผู้ซื้อ เช่นจีน เอเชีย และ EM เช่นในวิกฤติปี 1997 และ 2013 ราคาทองคำปรับตัวลงได้ถึง 25-35%

สำหรับสมมุติฐานปี 2024 ตลาดคาดว่าเศรษฐกิจโลกชะลอลงกว่าปี 2023 แต่เฟดจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 4.5% สหรัฐมีเลือกตั้งใหญ่ท้ายปี เดาราคาทองคำ แล้วมารอลุ้นผลปลายกันครับ