ลงทุนอะไรดีในปี 2567

ลงทุนอะไรดีในปี 2567

ปี 2567 แนวโน้มและทิศทางการลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดี ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลง กองทุนตราสารหนี้ เน้นลงทุนระยะกลางและยาว ให้ผลตอบแทนเป็นบวกค่อนข้างชัดเจน ด้านตลาดหุ้นไทย คาดหวังว่าจะกลับมาฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น

ตลาดการลงทุนในช่วงนี้มีแนวโน้มซบเซา เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกเริ่มเข้าสู่ช่วงเตรียมหยุดยาวช่วงปลายปีโดยในปีนี้ถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุด ท่ามกลางตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกที่ต่างฟื้นตัว ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทย

สำหรับในปี 2567 ที่กำลังจะมาถึง สิ่งที่นักลงทุนคงต้องการทราบคือ สินทรัพย์ใดที่จะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงบทความนี้จึงขอนำเสนอแนวโน้มและทิศทางการลงทุนเพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

กองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางและระยะยาว รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในต่างประเทศและกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ น่าจะมีทิศทางให้ผลตอบแทนเป็นบวกค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางหลักในหลายประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มประกาศลดดอกเบี้ยในปีหน้า 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า เฟดอาจประกาศลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด หลังเศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณชะลอลง และเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด ซึ่งการประกาศลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ระยะกลางและระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น 

อย่างไรก็ดี ตลาดตราสารหนี้อาจมีความผันผวนมากขึ้น หากเฟดส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยผิดไปจากที่ตลาดคาด เช่น ตลาดอาจคาดว่า เฟดจะประกาศลดดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม แต่เจ้าหน้าที่เฟดออกมาส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยราคาตราสารหนี้ก็อาจปรับตัวลดลงในช่วงสั้นๆ เนื่องจากผิดหวังต่อมาตรการของเฟด

ในส่วนของการลงทุนในหุ้น ตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีจากการประกาศลดดอกเบี้ยของเฟดโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงแต่ยังไม่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดในปีนี้

ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มที่จะเป็นดาวเด่นในปีหน้า หลังจากที่หลายฝ่ายมองตรงกันว่าอินเดียน่าจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์จากปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงการบริโภคภายในประเทศของอินเดียมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง หลังจำนวนประชากรอินเดียแซงหน้าจีนขึ้นเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และจำนวนชนชั้นกลางของอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสัดส่วนจำนวนประชากรวัยทำงานเพิ่มขึ้น และความรู้ความเข้าใจการลงทุนของชาวอินเดียมีมากขึ้นกอปรกับอินเดียจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า จึงคาดว่านายกนเรนทรา โมดี จะมีการออกมาตรการต่างๆเพื่อสร้างคะแนนนิยมเพิ่มเติม

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังสิ้นสุดการระบาดของโควิด-19 อาจจะไม่ได้ปรับตัวดีได้ปีหน้า เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆส่งสัญญาณชะลอตัวลง อีกทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะยกเลิกมาตรการดอกเบี้ยติดลบในเร็วๆนี้ กอปรกับเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ดังนั้น ค่าเงินเยนจึงมีแนวโน้มแข็งค่า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินการอยู่นอกประเทศ ส่งเงินกลับประเทศในรูปแบบของเงินเยนได้ในมูลค่าที่น้อยลง

ในส่วนตลาดหุ้นจีน ซึ่งปีนี้ปรับตัวลงมามาก เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดและปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ทั้งนี้ นักลงทุนบางส่วนคาดหวังว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเริ่มฟื้นตัวและรัฐบาลจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีนอย่างไรก็ดี เนื่องจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงมีอยู่สูง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจน้อยกว่าที่คาด ดังนั้น นักลงทุนอาจรอดูความชัดเจนในหลายๆด้านก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

สำหรับตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์และนักลงทุนบางส่วนคาดหวังว่าจะกลับมาฟื้นตัวในปีหน้า ตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากแรงหนุนของการเติบโตของการส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าน่าจะเติบโตได้ดีมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจเร่งตัวขึ้น นอกจากนี้ การประกาศลดดอกเบี้ยของเฟดน่าจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและเงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะช่วยดึงดูดเงินทุนไหลเข้ามากขึ้นอย่างไรก็ดี หากเทียบระหว่างตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้วกับตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วอาจดึงดูดเงินลงทุนมากกว่า และอาจจำกัดกรอบการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทย 

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่มาก เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 

ดังนั้น นักลงทุนจึงอาจรอดูความชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

มุมมองการลงทุนนี้เป็นมุมมองที่พิจารณาจากปัจจัยในปัจจุบัน และนักลงทุนควรพิจารณาลงทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงของท่าน ทั้งนี้ นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อลดผลกระทบเชิงลบจากการลงทุนหากปัจจัยประกอบการลงทุนต่างๆไม่เป็นไปตามที่คาด