ลดหย่อนภาษีน้องใหม่ ซื้อ "กองทุน Thai ESG" ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30%

ลดหย่อนภาษีน้องใหม่ ซื้อ "กองทุน Thai ESG" ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30%

ทำความรู้จัก "กองทุนลดหย่อนภาษี" ล่าสุด กองทุนรวม Thai ESG ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% เป็นอย่างไร ลงทุนในอะไรบ้าง มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเงื่อนไขอย่างไร

อย่างที่ทราบกันดีว่าการซื้อหน่วยเงินลงทุนในหลายๆ กองทุนรวม สามารถนำมาลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ซึ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย จัดตั้ง “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG)” ขึ้นเพื่อเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

โดยมาตรการภาษีนี้จะช่วยให้การลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังจะทำให้การลงทุนในกิจการที่คำนึงถึง ESG เพิ่มขึ้น และกิจการของไทยที่ให้ความสำคัญกับ ESG ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ รวมทั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  

ดังนั้น ใครที่ซื้อหน่วยเงินลงทุน Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน สามารถนำมาลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% เหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF โดยมีหลักการเลือกซื้อหน่วยเงินลงทุน และเงื่อนไขในการนำมาลดหย่อนภาษีได้ดังนี้

  • “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” คืออะไร

Thai ESG (TESG) ย่อมาจาก Thailand ESG Fund หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุน ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน และยังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย  

โดยกองทุน ThaiESG มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (ESG) และจะนำเงินไปลงทุนในกิจการที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด ซึ่งจะลงทุนในกิจการของไทยเท่านั้น

ทั้งนี้ กองทุน ThaiESG เหมาะกับผู้ที่สนใจลงทุนระยะยาว และมองเห็นโอกาสเติบโตแบบยั่งยืน พร้อมกับผู้ที่กำลังมองหาค่าลดหย่อนภาษีเพิ่ม ที่นอกเหนือจากกองทุน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF

  • เงื่อนไขการใช้สิทธินำค่าซื้อหน่วยเงินลงทุนกองทุน ThaiESG มาลดหย่อนภาษี

สำหรับผู้มีรายได้ที่สนใจซื้อหน่วยเงินลงทุนของกองทุน ThaiESG และต้องการนำมาลดหย่อนภาษี จะต้องเข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้  

1. ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ไม่เกินร้อยละ 30 (หรือ 30%) ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้น (กรณีซื้อมากกว่า 1 กองทุน ให้ทุกกองทุนรวมกันไม่เกินเงื่อนไขข้างต้น) ซึ่งไม่รวมกับวงเงินกลุ่มเกษียณ

2. ต้องถือหน่วยลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 8 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (ยกเว้นกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

3. ต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น (ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ไม่สามารถใช้สิทธิได้)

4. ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิหักลดหย่อนต่อ บลจ. ที่ได้ซื้อหน่วยลงทุน

5.ใช้สิทธิในปีที่ลงทุน

6. ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน และไม่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี

หากเงื่อนไขครบตามหลักเกณฑ์ข้างต้น ผลประโยชน์จากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุน จะได้รับยกเว้นภาษี กล่าวคือ ยกเว้นภาษีให้กับผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากค่าซื้อหน่วยลงทุนที่ได้รับสิทธิตามข้ออื่นๆ ข้างต้นตั้งแต่วันที่ซื้อ

  • ความแตกต่างของแต่ละกองทุนที่นำมาลดหย่อนภาษีได้

- ThaiESG กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวผ่านการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน (ESG) มีนโยบายการลงทุนคือลงทุนในสินทรัพย์ในประเทศ หุ้นหรือตราสารหนี้กลุ่ม ESG

สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% หรือไม่เกิน 100,000 บาท ของเงินได้พึงประเมิน ไม่รวมวงเงินกลุ่มเกษียณ

จำนวนเงินลงทุนไม่มีขั้นต่ำและไม่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แต่ระยะเวลาถือครองต้อง 8 ปีขึ้นไปนับจากวันลงทุน โดยใช้สิทธิได้ในปีที่ลงทุน เริ่มวันที่ 21 พฤศจิกายน - วันที่ 31 ธันวาคม 2575

- SSF กองทุนรวมเพื่อการออม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว มีนโยบายการลงทุนคือลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% หรือไม่เกิน 200,000 บาท ของเงินได้พึงประเมินนับรวมเงินกลุ่มเกษียณ จำนวนเงินลงทุนไม่มีขั้นต่ำ และไม่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี

ระยะเวลาถือครอง 10 ปีขึ้นไปนับจากวันลงทุน โดยใช้สิทธิได้ในปีที่ลงทุน เริ่มปี 2563-2567

- RMF กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณ มีนโยบายการลงทุนคือลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท นำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% หรือไม่เกิน 500,000 บาท ของเงินได้พึงประเมิน นับรวมวงเงินกลุ่มเกษียณ จำนวนเงินลงทุนไม่มีขั้นต่ำแต่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี) ระยะเวลาถือครอง 5 ปีขึ้นไปนับจากวันลงทุน และอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยสามารถใช้สิทธิได้ในปีที่ลงทุน      

สรุป

ทั้งนี้ หากใครที่สนใจซื้อหน่วยเงินลงทุนของกองทุน ThaiESG สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ที่สนใจลงทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะทยอยออกกองทุน ThaiESG มาให้ลงทุนกันในช่วงเดือนนี้เป็นต้นไป โดยก่อนที่จะลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน


 
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting