ออมสินโชว์ธุรกิจเพื่อสังคมสร้างความยั่งยืน ดันกำไรปีนี้พุ่ง 3.3 หมื่นล้าน

ออมสินโชว์ธุรกิจเพื่อสังคมสร้างความยั่งยืน ดันกำไรปีนี้พุ่ง 3.3 หมื่นล้าน

ออมสินโชว์ธุรกิจเพื่อสังคมสร้างผลตอบแทนยั่งยืน ดันปีนี้กำไรพุ่งกว่า 3.3 หมื่นล้าน หลังนำปัญหาสังคมไปใส่ในทุกโปรดักส์การเงิน ช่วยขยายฐานลูกค้าและธุรกิจได้กว้างขึ้น เผยปีหน้าผุดธุรกิจนอนแบงก์ คลอดมาตรการช่วยแก้หนี้ในและนอกระบบ

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า ในปีนี้ ผลกำไรสุทธิของธนาคารจะสูงถึง 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่กำไรสุทธิอยู่ที่กว่า 2.7 หมื่นล้านบาท และสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิดที่อยู่ในระดับกว่า 2 หมื่นล้านบาท

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดการจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แต่มาจาก 2 ส่วนสำคัญ คือ การตัดลดค่าใช้จ่ายปีละ 1 หมื่นล้านบาท และ การเดินนโยบายช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าของธนาคารไปในตัว โดยในส่วนฐานลูกค้ารายย่อยนั้น ได้เพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านราย จาก 1.57 ล้านรายใน 2 ปีก่อน เป็น 3.57 ล้านคนในปีนี้ ขณะที่ หนี้เสียของธนาคารยังอยู่ในระดับที่ต่ำราว 3% ของสินเชื่อคงค้าง อย่างไรก็ดี ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มไปแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท

เขากล่าวว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้น สะท้อนว่า แนวนโยบายการช่วยเหลือสังคมผ่านโปรดักส์ทางการเงินต่างๆของธนาคาร หรือที่เรียกว่า Creating Shared Value หรือ CSV  เป็นแนวทางที่ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและความยั่งยืนให้แก่ธนาคาร และ รวมถึงทุกภาคธุรกิจ ซึ่งจากเดิมภาคธุรกิจและธนาคารเองจะช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการที่เรียกว่า Corporate Social Responsibility หรือ CSR ซึ่งเป็นโครงการระยะสั้นและไม่ช่วยต่อยอดธุรกิจหรือสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและสังคมได้มากนัก

“เราจะเอาปัญหาสังคมไปใส่ในทุกโปรดักส์ทางการเงินของธนาคาร ยกตัวอย่าง เรื่องของสินเชื่อ ซึ่งก็มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน และการเข้าถึงแหล่งเงินของประชาชน เราก็ไปทำตลาดเรื่องจำนำทะเบียนรถ ช่วยลดดอกเบี้ยในตลาดจากที่ประมาณ 28% เหลือ 18% ออกโปรดักส์สินเชื่อมีที่มีเงิน และปีหน้าเราจะตั้งบริษัทลูกทำธุรกิจนอนแบงก์ ดอกเบี้ยจะลดลงจาก 33% เหลือประมาณ 28% สิ่งเหล่านี้ เราทำมาตลอด 3 ปี รวมกว่า 60 โครงการ จะช่วยเหลือสังคมได้มากขึ้นกว่า 3 ล้านราย ทำให้ฐานลูกค้ารวมของเราใหญ่ขึ้น”

นอกจากนี้ ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร โดยยืนยันจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานถึงสิ้นปี 2566 จากนั้น จะดูสถานการณ์อีกครั้ง หากเงินฝากตึงตัวมากๆ ก็จะต้องดูสถานการณ์แข่งขันของเงินฝากประกอบการพิจารณาด้วย เนื่องจาก ต้นทุนหลักธนาคาร คือ เงินฝาก ทั้งนี้ โครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของออมสิน ถือว่า ต่ำกว่าระดับทั่วไปค่อนข้างมาก แม้ว่า ลูกหนี้รายย่อยจะมีความเสี่ยงสูง ซึ่งหากธนาคารต้องการกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้สะท้อนถึงความเสี่ยงของธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย ธนาคารจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยขึ้นอีก 0.50  ถึง 0.75 %  แต่ธนาคารยังไม่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามความเสี่ยงดังกล่าว

การที่กำไรเพิ่มขึ้นมา ไม่ได้มาจากขึ้นดอกเบี้ย โดยธนาคารได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ครึ่งหลังปี 65 จนถึงปัจจุบัน และรวมทั้ง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ด้วย ซึ่งการตรึงดอกเบี้ยดังกล่าว ทำให้ออมสินสูญรายได้ จึงได้มีการหารายได้ส่วนอื่นมาชดเชย ได้แก่ การขยายขอบเขตธุรกิจในการช่วยคน โดยการเข้าไปทำธุรกิจใหม่ ลดอัตราดอกเบี้ยให้ และให้กลุ่มฐานรากเขาสู่ระบบสินเชื่อ เป็นต้น และเรายังลดต้นทุนอย่างรุนแรง จึงทำให้กำไรของออมสินเพิ่มขึ้นทุกปี”

เขากล่าวอีกว่า ในต้นปีหน้า ธนาคารจะดำเนินธุรกิจนอนแบงก์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย โดยธุรกิจสินเชื่อนอนแบงก์จะสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่าธุรกิจธนาคารตามปกติ ซึ่งหมายความว่า จะสามารถดึงคนที่เครดิตต่ำหรือไม่มีเครดิต ที่ไม่สามารถกู้จากสถาบันการเงินตามปกติได้ สามารถมาขอกู้จากนอนแบงก์ได้ ซึ่งทำให้คนเหล่านั้น ไม่ต้องหันไปกู้เงินนอกระบบซึ่งอัตราดอกเบี้ยสูงมาก

สำหรับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบและนอกระบบนั้น เขากล่าวว่า ธนาคารก็จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยธนาคารได้เสนอแนวทางในการเข้าไปช่วยเหลือแล้ว ส่วนรัฐบาลจะพิจารณาในแนวทางใด ต้องรอความชัดเจน ซึ่งเข้าใจว่า รัฐบาลจะประกาศในเร็วๆนี้