‘ซีไอเอ็มบีไทย’ ปลุกตลาดบอนด์คึก ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นกู้ก่อนครบอายุ

‘ซีไอเอ็มบีไทย’ ปลุกตลาดบอนด์คึก  ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นกู้ก่อนครบอายุ

“ซีไอเอ็มบีไทย” เปิดรับซื้อหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด หวังเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายให้รายย่อย หนุนตลาดหุ้นกู้คึกคักมากขึ้น ด้าน “ไทยบีเอ็มเอ” เผยเงินเริ่มไหลกลับตลาดบอนด์ เผยวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิราว 4 พันล้าน ขณะเงินบาทพลิกแข็งค่าเร็วเป็นอันดับสองของภูมิภาค

นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ได้ออกแคมเปญ “รับซื้อหุ้นกู้” คืนก่อนวันครบกำหนด โดยสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทุกวัน

ซึ่งสาเหตุที่ออกแคมเปญนี้เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยเฉพาะความต้องการบริหารสภาพคล่องให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ดังนั้นการทำผลิตภัณฑ์การเงินของธนาคาร จึงมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้นตามไปด้วย
 

การเปิดรับซื้อหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด มีวัตถุประสงค์หลักคือ การรับซื้อหุ้นกู้คืนจากรายย่อย ที่เป็นบุคคลธรรมดา ให้สามารถขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้ จากที่ผ่านมาที่ 90% ของลูกค้ารายย่อย ไม่สามารถขายหุ้นกู้ในตลาดรอง หรือขายก่อนครบกำหนดได้ แต่การขายส่วนใหญ่ เป็นนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ที่มีปริมาณซื้อขายจำนวนมาก

ดังนั้นเพื่อเอื้อให้นักลงทุนรายย่อย บริหารสภาพคล่องได้คล่องตัวมากขึ้น ธนาคารจึงสร้างตลาดรองในการซื้อขายหุ้นกู้ขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้ารายย่อย สามารถซื้อขายหุ้นกู้ได้ก่อนกำหนด เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนนำสภาพคล่องต่อยอดลงทุนหาผลตอบแทนเพิ่มเติมได้

“อดีตนักลงทุนรายย่อยที่ถือหุ้นกู้ ไม่สามารถบริหารหุ้นกู้ได้เท่าที่ควร เพราะถือจำนวนน้อย ดังนั้นเราจึงเปิดตลาดรองหุ้นกู้ขึ้นมา เพื่อให้ทางเลือกกับผู้ถือหุ้นกู้ ที่อยากซื้อ และอยากขายก่อนกำหนดมากขึ้น โดยธนาคารจะทำหน้าที่หาทั้งผู้ขาย และผู้ซื้อมาเจอกัน เพื่อให้เกิดการทำธุรกรรมสำเร็จ เหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนรายย่อยบริหารสภาพคล่องได้ดีขึ้น เมื่อต้องการนำเงินไปลงทุน หรือไปซื้อหุ้นกู้ตัวอื่นๆ”
 

นอกจากนี้ ยังมีออปชั่นให้ลูกค้ารายย่อยเลือก กรณีที่ไม่ต้องการขายหุ้นกู้ และต้องการถือครบกำหนดเพื่อรับผลตอบแทน แต่ต้องการมีสภาพคล่อง โดยการวางหุ้นกู้ เพื่อมาใช้เป็นหลักประกัน ในการขอสินเชื่อในการลงทุนกับธนาคารได้เช่นกัน

เขากล่าวด้วยว่า การสร้างตลาดรองขึ้นมา นอกจากตอบโจทย์ด้านการบริหารสภาพคล่องแล้ว อีกด้านยังเปิดโอกาสนักลงทุนสามารถหาผลตอบแทนเพิ่มขึ้น กรณีผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้นักลงทุนมีโอกาสได้กำไรจากการขายหุ้นกู้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นกู้ในตลาดรอง กำหนดการขายเริ่มตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป

“วันนี้เรายังไม่กำหนดประเภทหุ้นกู้ แต่หากเป็นหุ้นกู้ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น พันธบัตรรัฐ ทั้งระยะสั้นระยะยาว หุ้นกู้อินเวสต์เมนต์ เกรด ก็อาจเป็นตัวที่มีความต้องการในตลาดรอง และขายง่ายกว่า หุ้นกู้ที่ไม่รีเรตติ้ง หรือเรตติ้งต่ำ ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสกับลูกค้า นอกจากเป็นเครื่องมือในการบริหารสภาพคล่อง ยังเป็นเครื่องมือในการทำกำไรจากการขายหุ้นกู้ได้ด้วย หากเทียบกับอดีต แม้รายย่อยจะขายหุ้นกู้ แต่ก็ไม่มีใครรับซื้อ แต่วันนี้เราทำให้กลไกเหล่านี้ง่ายขึ้น คล่องตัวขึ้น”

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้มี ตลาดรองขายหุ้นกู้ได้ก่อนครบกำหนด ไม่ได้มาจาก ความกังวล หรือวิกฤติในตลาดหุ้นกู้ และยังมองว่า ตลาดหุ้นกู้ ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ และเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนมากขึ้น

สำหรับตลาดหุ้นกู้ของธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ปัจจุบันตลาดมีหุ้นกู้ตลาดรองโดยรวมตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5.9 แสนล้านบาท และหากเป็นหุ้นกู้ของพอร์ตรายย่อย คาดว่าการซื้อขายปีนี้ น่าจะอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท

เงินทุนไหลเข้าตลาดบอนด์ระยะสั้น-ยาว

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)กล่าวว่า วันนี้(15 พ.ย.66) เห็นฟันด์โฟล์วไหลเข้าตลาดบอนด์มากขึ้น ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้อัตราผลตอบแทน หรือบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง ทั้งบอนด์ระยะสั้นและระยะยาว จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า จากเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งหนุนให้บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลดลง

โดยหากดูบอนด์ยีลด์ อายุ 5 ปีพบว่า ล่าสุดอยู่ที่ 2.67% ลดลง 0.08% ขณะที่ 10 ปี อยู่ที่ 3.05% ลดลง 0.11% ส่วนบอนด์ระยะสั้นอายุต่ำกว่า 1 ปี ยีลด์อยู่ที่ 2.1% ลดลง 0.03% 

ส่วนการซื้อขายบอนด์วานนี้ พบว่ามูลค่าการซื้อสุทธิอยู่ที่ 4 พันล้านบาท โดยเป็นการตัวยาว 3.4 พันล้านบาท ขณะที่ตัวสั้น 550 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย มีการรับซื้อคืนหุ้นกู้ก่อนกำหนด เชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ของธนาคารที่มองเห็นโอกาสในตลาดรองมากขึ้น และซีไอเอ็มบีไทย ถือเป็นธนาคารที่มีความเด่น และผู้นำในตลาดหุ้นกู้ตลอดรอง ดังนั้นการเปิดการซื้อขายดังกล่าว จะหนุนทำให้ตลาดรองมีความคึกคักมากขึ้น หากสามารถซื้อขายหุ้นกู้ และสร้างกำไร ก่อนที่หุ้นกู้จะครบกำหนดอายุ

หุ้นกู้ไฮยีลด์ยอดขายฝืด

สำหรับตลาดหุ้นกู้ ที่ไม่มีเรตติ้ง หรือไฮยิลด์ ยอมรับว่า บรรยากาศการซื้อหุ้นกู้ลดลง เนื่องจากบรรยากาศในการซื้อขายถูกกระทบ จากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของหลายบริษัทมากขึ้น ส่งผลให้หุ้นกู้ไฮยิลด์บางตัวได้รับผลกระทบ และมีการซื้อขายต่ำกว่าเป้าหมาย

“ปีนี้บรรยากาศสำหรับหุ้นกู้ไฮยิลด์ ถือว่าถูกกระทบ และการซื้อขายอาจไม่ได้คึกคักเหมือนปีก่อนๆ และมีแนวโน้มลดลง เพราะสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้มีเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนมีความกังวล แต่ก็ไม่ได้บอกว่า หุ้นกู้ไฮยิลด์ทุกตัวจะขายไม่ได้ บางตัวก็ได้รับผลตอบรับที่ดี นักลงทุนก็ยังเชื่อมั่น เพราะดูจากผลประกอบการบริษัทที่ยังดี ดังนั้นก็ไม่ได้ทั้งหมดที่ถูกกระทบ”

เงินทุนไหลเข้าไทย ดันบาทแข็งติดอันดับสองภูมิภาค 

นายสงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย Investment and Markets Research สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า วานนี้ (15 พ.ย.66) เห็นเงินทุนไหลเข้าในตลาดเงินตลาดทุนมากขึ้น ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนกลับมาแข็งค่า เป็นอันดับสองของภูมิภาค รองจากเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ระยะข้างหน้า คาดการณ์ว่า โอกาสที่จะเห็นเงินบาท อ่อนค่าไปสู่ 36.3 บาทต่อดอลลาร์ มีโอกาสเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเริ่มเห็นปัจจัยบวกตลาดภาพรวมเศรษฐกิจที่มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐ

สะท้อนจาก การคาดการณ์ของนักลงทุน ที่คาดว่า เฟดอาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และมีโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าระยะข้างหน้า ซึ่งอาจสร้างแรงกดดัน ต่อทิศทางดอกเบี้ยของไทยได้ ดังนั้นตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาสที่ดอกเบี้ยไทยจะลดลงได้ สอดคล้องดอกเบี้ยสหรัฐ

“ฟันด์โฟลว์ ที่เข้ามาไทยวันนี้ ไม่ใช่เพราะ มาจากการคาดการณ์ การจบการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แต่นักลงทุนยังคาดไปถึงดอกเบี้ยไทย ที่อาจได้รับแรงกดดันเช่นเดียวกัน ทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดเงิน และตลาดทุนมากขึ้น”
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์