ยื่นภาษีปี66 เปิด 3 แนวทาง แบบไหนได้ยกเว้นภาษี-ลดหย่อนภาษี 2 เท่า

ยื่นภาษีปี66 เปิด 3 แนวทาง แบบไหนได้ยกเว้นภาษี-ลดหย่อนภาษี 2 เท่า

เตรียมตัวยื่นภาษีปี66 เปิด 3 แนวทางวางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำรายจ่ายใดมาลดหย่อนภาษีได้บ้าง หรือรายได้ใดได้รับยกเว้นภาษี

ช่วงนี้ถือเป็นเวลาที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้เดินทางมาเกินครึ่งปีแล้ว และผู้มีรายได้พึงประเมินประเภทที่ 5, 6, 7 และ 8 หรือมาตรา 40(5) – (8) ได้ยื่นภาษีครึ่งปีกัน รวมถึงอีกไม่นานผู้มีรายได้พึงประเมินประเภทที่ 1-8 หรือมาตรา 40(1) – (8) ก็จะต้องเสียภาษีปลายปีอีกด้วย

ดังนั้น มาวางแผนกันก่อนถึงช่วงยื่นภาษีปลายปีกัน ว่าบุคคลทั่วไปหรือบุคคลธรรมดาเมื่อมีรายได้ในปีภาษี 2566 นี้ จะสามารถนำรายจ่ายใดมาลดหย่อนภาษีได้บ้าง หรือรายได้ใดได้รับยกเว้นภาษี รีบไปเช็กกันเลย!!!

1.บริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์

การวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา สามารถนำเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ โดยแบ่งได้ดังนี้

1.สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ 2 เท่า โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาค สำหรับบุคคลธรรมดาเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นจำนวน 2 เท่าแล้ว จะต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมิน หลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน

2.ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์

ทั้ง 2 กรณีจะได้รับประโยชน์ทางภาษีเมื่อมีการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร โดยจะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้นให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย และกรมพลศึกษา  
และให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ตามมาตรา 4 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566 โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสาร หลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567​

2.บริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้บุคคลธรรมดาทั่วไป ยังสามารถบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์​เพื่อรับประโยชน์ทางภาษีได้ดังนี้

1.สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ 2 เท่า โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่จ่ายไป แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ทั้งหมดที่ได้รับหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นตามกฎหมายแล้ว โดยเมื่อมีการใช้สิทธิตามมาตรการนี้แล้ว จะต้องไม่นำเงินบริจาคดังกล่าว ไปหักเป็นค่าลดหย่อนในฐานะเงินบริจาค

2.ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์  

โดยทั้ง 2 กรณี จะต้องเป็นการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ตามมาตรา 5 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 768) พ.ศ. 2566 จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น
และบริจาคให้แก่ สถานศึกษาของรัฐ โรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโณงเรียนนอกระบบ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ และสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ การบริจาคให้แก่สถานศึกษา ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากร โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสาร หลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567  

3.บริจาคแก่สภากาชาดไทยหรือมูลนิธิ ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์

อีกหนึ่งช่องทางการวางแผนภาษีจากการบริจาค ได้แก่บริจาคให้กับสภากาชาดไทยหรือมูลนิธิ ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ โดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไขคือ
​บริจาคให้แก่สภากาชาดไทยและมูลนิธิ ซึ่งประกอบด้วย (1) มูลนิธิจุฬาภรณ์ (2) มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี (3) มูลนิธิโรคมะเร็ง โรงพยาบาลศิริราช (4) มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก (5) มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (6) มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี (7) มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (8) มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (9) มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (10) มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา (11) มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า (12) ศิริราชมูลนิธิ

โดยบุคคลธรรมดาที่จะได้รับประโยชน์จากการบริจาคนี้ จะต้องเป็นการบริจาคด้วยเงินเท่านั้น และใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสาร หลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

สรุป...อย่าลืมบริจาคตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีปีหน้า

​รู้แบบนี้แล้ว ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีในนามบุคคลธรรมดา อย่าลืมวางแผนภาษีประจำปี 2566 ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งการบริจาคที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า หรือได้รับยกเว้นภาษีต่างๆ ยังสามารถบริจาคได้ภายในปีนี้ เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีในปีหน้า (พ.ศ.2567) จะช่วยลดภาระทางภาษีให้กับทุกคนได้ไม่มากก็น้อย

 

อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting