‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ ชี้ หากสู้รบอิสราเอลบานปลาย ดันราคาน้ำมันเฉียด 130 ดอลล์ ทำไทยขาดดุลหนัก

‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ ชี้ หากสู้รบอิสราเอลบานปลาย ดันราคาน้ำมันเฉียด 130 ดอลล์ ทำไทยขาดดุลหนัก

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้ หากสู้รบ “อิสราเอล - ปาเลสไตน์” ขยายตัวเป็นสงครามตัวแทน อาจดันราคาน้ำมันเฉียด 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จนกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าหนักทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์ในระยะสั้น

หลังจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสจากปาเลสไตน์ บุกเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่ายิงจรวดจำนวนมากข้ามไปยังชายแดนทางตอนใต้ของอิสราเอลเพื่อเปิดทางให้นักรบติดอาวุธเข้าไปในอิสราเอลจนเกิดการสังหารประชาชน และจับตัวประกันจำนวนมาก

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ให้สัมภาษณ์กับกรุงเทพธุรกิจวันนี้ (9 ต.ค.66) เกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยว่ายังอยู่ในวงจำกัด เพราะไทยส่งออกสินค้าไปอิสราเอลเพียง 0.3% รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็มาประเทศไทยไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นชาวซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ตาม หากท้ายที่สุดความขัดแย้งครั้งนี้พัฒนาไปเป็นสงครามตัวแทนโดยมีอิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มฮามาส และสหรัฐอยู่เบื้องหลังอิสราเอล จนประเทศในแถบตะวันออกกลางอื่น เข้ามาร่วมด้วยก็อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานการผลิตน้ำมันให้หดตัวลงไปอีก ซึ่งก็จะกระทบต่อราคาน้ำมันดิบโลกให้ปรับตัวทะลุ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้

โดยหากสถานการณ์เป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยก็จะต้องนำเข้าน้ำมันดิบในราคาที่แพงขึ้น จนทำให้เศรษฐกิจไทยขาดดุลทางการค้ามหาศาล และค่าเงินบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าลงแตะระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ได้ในระยะสั้น

ทว่า หากท้ายที่สุดสถานการณ์ไม่บานปลาย ประเด็นเรื่องราคาน้ำมันดิบโลกก็ไม่น่ากังวลเพราะทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอลไม่ใช้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก โดยอิสราเอลมีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 300,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดน้ำมันดิบโลก

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์