นายกฯยันไม่มีแนวคิดปลดผู้ว่าธปท.ชี้บาทอ่อนส่งออก-ท่องเที่ยวรับอานิสงส์

นายกฯยันไม่มีแนวคิดปลดผู้ว่าธปท.ชี้บาทอ่อนส่งออก-ท่องเที่ยวรับอานิสงส์

นายกฯยันไม่มีแนวคิดปลดผู้ว่าธปท.ระบุ กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องตลก ยันประสานการทำงานกันได้อย่างดี กรณีเงินบาทอ่อนค่าเหตุจากนักลงทุนเก็งกำไรส่วนต่างดอกเบี้ยระยะสั้น ชี้ส่งออก-ท่องเที่ยวได้ประโยชน์ ยันรัฐบาลมีแผนระดมเงินไม่กระทบสภาพคล่องภาคเอกชน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยัน ไม่เคยมีความคิดที่จะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ตามที่มีกระแสข่าวในขณะนี้ พร้อมระบุว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตลกมาก ซึ่งตนกับผู้ว่าธปท.ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และการทำงานระหว่างตนกับผู้ว่าธปท.สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมา ได้มีการหารือเกี่ยวกับการออกดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งผู้ว่าธปท.ก็ให้คำแนะนำ ตนก็พร้อมรับและปฏิบัติ ดังนั้น จึงไม่มีความคิดในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน

“ผมว่า เป็นเรื่องที่น่าตลกมากๆเลย ไม่เคยมีความคิด ไม่แน่ใจว่า มันมาได้อย่างไร ผมเจอผู้ว่าธปท.มา3-4 หน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวงการการเมืองก็คุยกันได้ด้วยดี ตั้งแต่ก่อนไปรับตำแหน่ง ท่านก็ไปที่พรรคเพื่อไทย ผมก็เจอทั้งฟูลทีมเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ท่านก็ให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดมา ซึ่งผมก็น้อมรับและปฏิบัติ เจอกันที่กระทรวงการคลังก็คุยกันด้วยดี ท่านก็เสนอแนะมา มีคนไปพูดว่า นายกฯไม่มีสิทธิ์ไปไล่ท่านผู้ว่าฯ ออก ความคิดยังไม่มีเลยครับ อย่าว่าแต่สิทธิ์เลยครับ ผมว่า อันนี้ต้องขอความเป็นธรรมกับผมและท่านผู้ว่าธปท.ด้วย เราไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน ก็ให้ความเคารพ ต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกันไม่มีเรื่องนี้แน่นอน”

สำหรับกรณีที่ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับอ่อนลงในขณะนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องค่าเงินบาทนั้น อยู่ในความกำกับดูแลของธปท. ทางรัฐบาลไม่ได้ก้าวก่ายอะไร ซึ่งตนเข้าใจว่า การที่เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น เป็นเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้เงินทุนไหลออก เพื่อไปเก็งกำไรประเทศอื่นที่มีส่วนต่างดอกเบี้ยสูงกว่า แต่ตนไม่อยากบอกว่า เงินบาทที่อ่อนจะไม่ดีเสมอไป ซึ่งบาทที่อ่อนค่า ก็จะมาช่วยเรื่องการส่งออกที่ทำให้ตัวเลขดีขึ้น หรือ การท่องเที่ยวที่เราจะได้รับเงินมากขึ้น และทำให้คนมีเงินเหรียญอยากมาเที่ยวบ้านเรามากขึ้น

ส่วนกรณีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มสูงมากในช่วงนี้ ซึ่งในตลาดมองว่า เป็นผลจากการคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโนบายที่จะปรับเพิ่มขึ้น และรวมถึง การระดมเงินที่มากขึ้นของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในเรื่องการระดมเงินของรัฐนั้น ยืนยันว่า จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องในตลาด ซึ่งตนได้หารือกับกระทรวงการคลังในเรื่องดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงมองว่า ไม่ใช่ประเด็น

“ผมว่า สภาพคล่องในประเทศมีอยู่เยอะมาก ไม่น่าใช่ประเด็น ได้คุยกับทางกระทรวงการคลังแล้ว ดังนั้นกรณีที่เอกชนมองว่า เราจะแย่งสภาพคล่อง ไม่น่ากังวล เพราะเรามีสภาพคล่องเยอะมาก ไม่น่ากังวลเลย”