บันได้ 7 ขั้นของอิสรภาพทางการเงิน และกับดักที่ทำให้เราไปไม่ถึง

บันได้ 7 ขั้นของอิสรภาพทางการเงิน และกับดักที่ทำให้เราไปไม่ถึง

ใครๆ ก็คงฝันถึงหรืออยากมีอิสรภาพทางการเงิน หรือสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่ต้องมีงานประจำ มีเงินเพียงพอที่ใช้ชีวิตได้ตามใจปรารถนา มีเวลาได้ทำกิจกรรมที่ต้องการ แต่จริงๆแล้วกว่าจะไปได้ถึงชีวิตระดับนั้นได้ เราต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ เราสามารถแบ่งระดับขั้นของการมีอิสรภาพทางการเงินอาจแบ่งได้เป็น 7 ระดับด้วยกันคือ

ขั้นที่ 1 ช่วงพึ่งพิง (Dependence) เป็นขั้นที่ทุกคนต้องพบเจอ เพราะแรกที่เราเกิดมาเราต้องอาศัยเงินของพ่อแม่เพื่อดำรงชีวิต และศึกษาเล่าเรียน จนกว่าจะเติบโตและทำงานหารายได้ด้วยตัวเอง

ขั้นที่ 2 เลี้ยงตัวได้ (Solvency ) เป็นขั้นที่เราทำงานมีรายได้แต่แค่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายรายเดือน โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น แม้จะใช้เงินแบบเดือนชนเดือน หรือต้องมีหนี้สิน แต่รายได้ก็ยังเพียงพอ เป้าหมายในขั้นนี้คือหารายได้ให้มากกว่ารายจ่าย

ขั้นที่ 3 หายใจคล่อง (Breathing room) เมื่อเรามีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายและยังมีเงินเหลือเผื่อฉุกเฉิน จะเรียกว่าขั้นนี้เป็นขั้นที่เราเริ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น

ขั้นที่ 4 มั่นคง (stability) ขั้นนี้เกิดขึ้นเมื่อเรามีเงินหลือหลังค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุน (นอกเหลือจากการมีเงินเก็บพอเพียงสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือนสำหรับภาวพฉุกเฉินเช่นต้องออกจากงานหรือต้องการการเปลี่ยนแปลง) นอกจากเงินฉุกเฉินแล้วเรายังมีทางเลือกอื่น เช่นตัดค่าใช้จ่ายบางอย่างออกก่อน เช่น ค่าฟิตเนส ค่าเน็ตฟลิก เป็นต้น เป้าหมายในขั้นนี้ก็คือลงทุนให้มากขึ้นพื่อให้มีรายได้จากการลงทุนมากเพียงพอ

ขั้นที่ 5 อยู่ได้อย่างยืดหยุ่น (Flexibility) ยินดีด้วยครับถ้าคุณได้มาถึงจุดนี้ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อเรามีเงินเก็บเพียงพอสำหรับอยู่ได้อย่างน้อย 2 ปี หรือมีรายได้จากเงินลงทุนที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ เมื่อมาถึงจุดนี้ เรายังคงต้องมีรายได้จากการทำงานต่อไป เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่จะใช้ขีวิตที่มีคุณภาพ เช่น การทานอาหารกับเพื่อนฝูง ทริปกับเพื่อนๆ หรือ ซื้อของที่อยากได้ เป้าหมายต่อไปก็คือการสร้างรายได้ให้มากขึ้นเพื่อการใช้จ่ายสำหรับชีวิตทึ่มีคุณภาพ ทั้งจากงานและผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุน

ขั้นที่ 6 อิสรภาพทางการเงิน (Financial Independence) ไชโย ในที่สุดคุณก็มาถึงการมีอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องทำงาน เพราะรายได้จากพอร์ตการลงทุนไม่ว่าจะเป็นรายได้จากดอกเบี้ย เงินปันผล หรือค่าเช่าเมื่อรวมกับเงินต้นบางส่วนแล้ว มากเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามที่เราต้องการ ทำให้เราสามารถอยู่ได้ไปอีก 30-40 ปีโดยไม่ต้องทำงาน อย่างไรก็ดีโลกนี้ยังมีความเสี่ยง รายได้จากพอร์ตอาจผันผวนไม่ว่าจาก ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า หรือมูลค่าพอร์ตที่ลดลง ดังนั้นเป้าหมายต่อไปคือการอยู่ได้แม้จะมีความเสี่ยงจากพอร์ตลงทุนก็ตาม

ขั้นที่ 7 มั่งคั่งยั่งยืน (Abundant Wealth) เมื่อรายได้มากเกินกว่าค่าใช้จ่ายและยังมีส่วนเผื่อหรือมาร์จิ้นความปลอดภัย เช่นกรณีที่เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือมีวิกฤติ เมื่อเราอยู่ในขั้นนี้ เรามั่นใจว่ารายได้ยังเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย และมีเงินเหลือสำหรับทายาทในรุ่นถัดไป

แต่ในความเป็นจริง หลายต่อหลายคนมักติดกับดัก อยู่ที่ขั้นตอนที่ 2-4 นี้อยู่หลายๆปีด้วยกันหรือบางคนอาจตลอดทั้งชีวิต กับดักที่ว่านี้เรียกว่า Life style Creep หรืการใช้ชีวิตที่สูงขึ้น (บางทีก็เรียกว่าเงินเฟ้อของการชีวิต (Lifestyle Inflation) เพราะบางคนพอมีรายได้ที่มากขึ้นก็มักเลือกที่จะใช้เงินที่เหลือเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของตัวเอง ทำให้เกิดลักษณะของ กับดัก ค่าใช้จ่ายจากการใช้ชีวิตดีขึ้น เช่น ทานอาหารมื้อดีๆมากขึ้น ซื้อของใช้มากขึ้น เที่ยวมากขึ้น ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องหารายได้เพื่อให้มากกว่าค่าใช้จ่าย จนเป็นวงจร (เหมือนเวลาเราเดินบนลู่วิ่ง เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นก็เหมือนปรับระดับความเร็ว เราก็ต้องเร่งความเร็วในการวิ่งเพิ่มขึ้น) ดังนั้นเป้าหมายในขั้นนี้ หรือเป็นหนทางที่จะทำให้เราหลุดออกจาก กับดัก นี้ได้ ก็โดยการนำเงินที่เหลือไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มอีกแหล่งหนึ่งและพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีความสุขกับการลงทุนและขอให้ทุกท่านบรรลุถึงบันไดขั้นที่ 7 ได้ในที่สุดครับ