ขายต้นไม้ อุปกรณ์การเกษตร ต้องเสีย ‘ภาษีมูลค่าเพิ่ม’ หรือไม่

ขายต้นไม้ อุปกรณ์การเกษตร ต้องเสีย ‘ภาษีมูลค่าเพิ่ม’ หรือไม่

ร้านขายต้นไม้มีรายได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นขายต้นไม้ สินค้าเกษตร อุปกรณ์การเกษตร และบริการอื่นๆ มีทั้งที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เข้าใจรายละเอียดเพื่อวางแผนภาษี

หากจะกล่าวว่า เกษตรกรรม เป็นอาชีพคู่คนไทยมานานหลายศตวรรษก็คงไม่ผิดนัก ซึ่งนอกจากการเพาะปลูกพืช อย่างเช่น การทำนา ปลูกผัก การทำพืชไร่ พืชสวน ที่มีให้เลือกทำได้หลากหลาย และมีวิธีจำหน่ายสินค้าเกษตรหลายแบบด้วยกัน บ้างขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง บางรายก็ขายปลีกตั้งราคาเองขายหน้าสวน หรือส่งเข้าห้าง ร้านต่างๆ

ทั้งนี้ หากจะกล่าวลงลึกในส่วนของเกษตรกรที่ปลูกพืช เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ และมีหน้าร้านขายเอง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่รับจากสวนที่ปลูกนำมาขายในร้านของตนเอง เชื่อว่าไม่ได้มีเฉพาะรายได้จากการขายต้นไม้ เนื่องจากร้านขายต้นไม้ส่วนใหญ่ จะมีอุปกรณ์การเกษตรเพื่อใช้ร่วมกับต้นไม้ที่ตนเองขายด้วย

ดังนั้น หน้าที่ความรับผิดชอบในเรื่องของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่หลายคนสงสัย ตามกฎหมายกำหนดว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล การขายต้นไม้ในส่วนของต้น ก้าน กิ่ง ใบ ราก เหง้า หรือขายทั้งต้น จะได้รับยกเว้นการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(1) เช่น 

การขายพืชผลทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นส่วนใดๆ ของพืช รวมถึงวัตถุพลอยได้จากพืชที่ยังมีสภาพเดิม และไม่ทำเป็นอุตสาหกรรม (ไม่รวมถึงไม้ซุง ฟืน หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเลื่อยไม้) การขายปุ๋ย การขายยาหรือเคมีภัณฑ์สำหรับพืชหรือสัตว์ การนำเข้าพืชผลทางการเกษตร รวมถึงวัตถุพลอยได้จากพืช การนำเข้าสัตว์ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ ซึ่งรวมถึงวัตถุพลอยได้จากสัตว์ด้วยเช่นกัน การนำเข้าปุ๋ย ปลาป่น อาหารสัตว์ ยา หรือเคมีภัณฑ์สำหรับพืชหรือสัตว์​

ด้วยเหตุนี้ หากพ่อค้าแม่ค้าขายต้นไม้มีรายได้จากการขายอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ ที่ไม่ใช่พืชผลทางการเกษตรตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็มีหน้าที่ต้องขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีผลประกอบการเกิน 1.8 ล้านบาท โดยสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้

  • ร้านขายต้นไม้มีสินค้าประเภทไหน ได้รับยกเว้นหรือต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

เนื่องจากร้านขายต้นไม้มีรายได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สินค้าเกษตร อุปกรณ์การเกษตร และบริการอื่นๆ ในร้านขายต้นไม้ด้วย ซึ่งมีทั้งที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

1. สินค้าเกษตรที่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ค่าต้นไม้ ค่าปุ๋ยเคมีภัณฑ์ ปุ๋ยหมัก นำเข้าปุ๋ย แต่ต้องเป็นการขายต้นไม้ในส่วนของต้น ก้าน กิ่ง ใบ ราก เหง้า หรือขายทั้งต้นเท่านั้น กล่าวคือแม้ว่าจะมีรายได้จากขายต้นไม้และค่าปุ๋ยยาเคมีภัณฑ์เกิน 1.8 ล้านบาท ก็ไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ยกเว้นให้เฉพาะการขายต้นไม้เท่านั้น ไม่นับรวมการตัดไม้แปรรูปเป็นไม้ซีก ไม้ซุง การส่งออก เป็นต้น      

2. สินค้าเกษตรและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ค่าขายดินปลูกต้นไม้ และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ เช่น กระถางต้นไม้ ถาดเพาะ บริการจัดสวน เป็นเงินได้ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) และ (9) แห่งประมวลรัษฎากร

ดังนั้น หากรายได้จากการขายดินปลูกต้นไม้ และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ เช่น กระถางต้นไม้ ถาดเพาะ เมื่อมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ แต่ถ้ามีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือมีพอดี 1.8 ล้านบาท ก็ยังคงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะถือว่ามีรายได้ไม่เกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมนั่นเอง

  • แม้ว่าสินค้าในร้านขายต้นไม้จะได้รับยกเว้น VAT แต่อยากจด VAT ก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดให้การขายต้นไม้ในส่วนของต้น ก้าน กิ่ง ใบ ราก เหง้า หรือขายทั้งต้นเท่านั้นได้รับยกเว้น VAT แต่ถ้าหากเจ้าของร้านขายต้นไม้มีความต้องการจด VAT ก็มีสิทธิ์แจ้งขอจด VAT ได้ ซึ่งต้องเป็นเจ้าของธุรกิจร้านขายต้นไม้ที่ไม่ใช่การส่งออก หรือการให้บริการตามมาตรา 81(1) ได้แก่

- การขายพืชผลทางการเกษตร
- การขายปุ๋ย
- การขายยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ 

โดยสินค้าอย่างเช่นต้นไม้ ปุ๋ย ยาเคมีภัณฑ์ ที่ขายในร้านขายต้นไม้ แม้จะได้รับยกเว้น VAT แต่ก็สามารถขอจดได้ และร้านขายต้นไม้ส่วนใหญ่ก็เลือกจด VAT กัน เนื่องจากสินค้าบางรายการในร้าน เช่น กระถางต้นไม้ ถาดเพาะกล้า และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ ยังคงต้องจด VAT เมื่อมีรายได้ในส่วนนี้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีอยู่ดี
และการตัดสินใจจด VAT ของเจ้าของธุรกิจร้านต้นไม้ ก็จะช่วยสนับสนุนการขายต้นไม้ให้กับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล

ในกรณีที่ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน หากเจ้าของร้านขายต้นไม้สามารถออกใบกำกับภาษีแบบถูกต้องตามที่กฎมหายกำหนดให้กับลูกค้าได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในสายนี้ได้ในระยะยาวด้วย

สรุป

แม้ว่า ณ ตอนนี้ธุรกิจร้านขายต้นไม้ของใครๆ ยังมีผลประกอบการในส่วนของสินค้าและบริการที่ไม่ได้รับยกเว้น VAT ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท อาจต้องเตรียมตัววางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะตัดสินใจจด VAT หรือไม่

ส่วนเจ้าของธุรกิจร้านขายต้นไม่ที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย และมีความประสงค์จะจดภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถยื่นคำขอแจ้งใช้สิทธิ์เพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.01.1 จำนวน 1 ชุด 3 ฉบับ พร้อมกับคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.01 ได้ทางอินเตอร์เน็ต www.rd.go.th หรือที่กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือสำนักงานสรรพากรสาขาต่างๆ ตามพื้นที่สาขาที่ร้านขายต้นไม้ตั้งอยู่

----------------------------------
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting