บลจ.อีสท์สปริง ชูเป้าAUMปีนี้โต6% ลุยปั้นพอร์ตตอบโจทย์การลงทุนทั่วโลก

บลจ.อีสท์สปริง ชูเป้าAUMปีนี้โต6% ลุยปั้นพอร์ตตอบโจทย์การลงทุนทั่วโลก

“บลจ.อีสท์สปริง” มุ่งเติบโตทุกกองทุนอย่างสมดุล แนะลูกค้ากระจายการลงทุนทั่วโลก ตั้งเป้า AUM โต6% พร้อมคาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้1,590–1,620 จุด ระยะสั้นยังมองบวกรับข่าวนายกฯ แนะหาจังหวะทำกำไรบางส่วน ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ หนุนฟันด์โฟลว์

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าสำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (AUM) เติบโต 6% ที่ 380,000 ล้านบาท  จากปี 2565 อยู่ที่ 360,000 ล้านบาท  

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์อีสท์สปริง เป็นที่ยอมรับจากนักลงทุน ในปีนี้เน้นการเติบโตอย่างสมดุล ทั้งจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ด้วยเทคโนโลยี ช่วยให้สมาชิดกองทุนมีความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตผ่าน PVD Appication เตรียมเปิดตัวภายในปีนี้ 

 รวมถึงกองทุนส่วนบุคคล และการลงทุนในกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ(FIF)  ทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ Best in class และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ผสานประโยชน์ของผลิตภัณฑ์กองทุนรวมและประกัน  รวมทั้งนำระบบการจัดการลงทุนระดับโลกเข้ามาใช้ในประเทศไทยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายการลงทุนให้กับ ลูกค้าทุกกลุ่ม

บลจ.อีสท์สปริง ชูเป้าAUMปีนี้โต6% ลุยปั้นพอร์ตตอบโจทย์การลงทุนทั่วโลก

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง  กล่าวว่า  สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเมื่อภาพการเมืองไทยชัดเจน หลังเลือกนายกฯ และนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาสนใจ แต่ยังต้องรอติดตามความเร็วการจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ที่จะประคองเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 2.7-3% จากปัจจุบันมีเพียงท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์เดียวเท่านั้น และรอดูมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว  โดยเฉพาะการสร้างรายได้  

ดังนั้นเรายังมีมุมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยระยะสั้น  คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ แนวรับ 1,590 จุดและแนวต้าน1,620 จุด กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 90% และพี/อี(P/E) 17 เท่า  กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน เช่น กลุ่มหุ้นใหญ่ อาทิ ท่องเที่ยว เช่นโรงแรม โรงพยาบาล และการบริโภคในประเทศ รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์  เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐทั้งระยะสั้นและระยะยาว และเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลกลับ

“ ตลาดหุ้นไทยรับข่าวเดินหน้าจัดรัฐบาลแล้ว แนะว่า หากดัชนีใกล้ระดับ 1,580จุด ควรหาโอกาสทำกำไรบางส่วน  และในไตรมาส 3 ปีนี้ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนภายนอกประเทศ อาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับหลายลงมาปรับฐานมาที่แนวรับ 1,520จุด ซึ่งดาวน์ไซด์ค่อนข้างจำกัดแล้ว เป็นโอกาสกลับเข้าไปทยอยสะสมหุ้นไทยอีกรอบหนึ่ง แต่ฝั่งอัพไซด์ยังจำกัด ในปีนี้แนะน้ำหนักลงทุนหุ้นไม่ระดับ 10-15% ของพอร์ต พร้อมกระจายสินทรัพย์การลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก  เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง” 

พร้อมกันนี้ แนะจัดพอร์ตการลงทุนช่วงเหลือปีนี้ ผสมหลายหลากหลายกองทุน ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้  ทั้ง 4 ธีมการลงทุน คือ หุ้นปันผล หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ  หุ้นจีนและเวียดนาม รวมถึงตราสารหนี้คุณภาพทัังไทยและต่างประเทศ