การประชุม Politburo…ความหวังของตลาดหุ้นจีน ?

การประชุม Politburo…ความหวังของตลาดหุ้นจีน ?

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างผิดหวังกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นจีน หากนับจากปี 2021 ตลาดหุ้นจีนมีช่วงที่ตกลงแรงจากจุดสูงสุดไปถึงจุดต่ำสุดถึงเกือบ 60% สำหรับหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง (ดัชนี HSCEI) และเกือบ 40% สำหรับหุ้นจีนที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ (ดัชนี CSI300)

จากปัจจัยลบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่เข้มงวดของทางการจีนที่กดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซ้ำเติมด้วยนโยบาย Common Prosperity ที่กระทบหุ้นขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรมตลอดทั้งปี 2021 หลังจากนั้นก็มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ทำให้จีนต้องล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ในช่วงต้นปี 2022 และตามมาติดๆ ด้วยวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์

แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ดีตั้งแต่ปลายปี 2022 ถึงต้นปี 2023 หลังประกาศเปิดประเทศ โดยเฉพาะดัชนี HSCEI ที่พุ่งขึ้นได้กว่า 50% แต่หลังจากนั้นนักลงทุนก็เผชิญกับความผิดหวังจากโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรง แต่แล้ว...ดูเหมือนว่าตลาดจะพบความหวังอีกครั้งจากการประชุม Politburo ซึ่งเป็นการประชุมผู้บริหารประเทศระดับสูงช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่ส่งสัญญาณว่าจะเร่งฟื้นฟูภาคอสังหาฯ แก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ

ตัวอย่างมาตรการสำคัญๆ ได้แก่ ด้านการบริโภค เน้นเพิ่มรายได้ครัวเรือนและกระตุ้นการใช้จ่ายสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้านการลงทุน ให้รัฐบาลท้องถิ่นเร่งออกพันธบัตรเพื่อกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และออกนโยบายส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ส่วนที่เป็นไฮไลต์จากการประชุม Politburo ในครั้งนี้คือ แนวทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เพราะไม่มีการกล่าวถึง “Housing is for living, not for speculation” ซึ่งเป็นนโยบายที่เคยทำให้ภาคอสังหาฯ ชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณฟื้นฟูภาคอสังหาฯ ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยดูแลความเสี่ยงด้านการชำระหนี้ของเจ้าของโครงการและออกมาตรการเอื้อให้การซื้อบ้านง่ายขึ้น

ความหวังในระยะข้างหน้าคือเศรษฐกิจจีนจะยังคงฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของทางการที่ราว 5% เพราะนอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้ามาเป็นแรงหนุนแล้ว ด้านกำลังซื้อในภาคครัวเรือนจีนก็ยังอยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง ด้วยกระสุนจากอัตราการออมที่สูงมาก รวมทั้งนโยบายการเงินจากธนาคารกลางจีน (PBoC) ที่มีแนวโน้มจะผ่อนคลายเพิ่มเติมผ่านการลดดอกเบี้ยและการลดอัตรากันสำรองธนาคารพาณิชย์ได้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

ด้วยปัจจัยหนุนข้างต้น ทำให้หุ้นจีนมีโอกาสที่จะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และสำหรับนักลงทุนที่ยังมีสถานะการลงทุนในหุ้นจีนไม่มาก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจในการทยอยเข้าลงทุน เนื่องจาก

  1. มูลค่า หรือ Valuation ถูก เมื่อเทียบกับทั้งค่าเฉลี่ยในอดีต และตลาดหุ้นในประเทศอื่นๆ
  2. ตลาดหุ้นจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงปลายปี 2022 โดยจากข้อมูลในอดีต ตลาดหุ้นจีนมักจะใช้เวลาร่วมปีหลังจากแตะจุดต่ำสุดในการฟื้นตัวกลับมาสู่จุดเดิม
  3. และจากสถิติในอดีตอีกเช่นกัน ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสสูงที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก หากเริ่มต้นปีด้วย P/E Ratio ที่ต่ำ ประกอบกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ หรือ EPS growth ของปีนั้นๆ ที่สูงกว่า 10% ซึ่งในปีนี้ ตลาดหุ้นจีนก็เริ่มต้นปีด้วยสถานการณ์เช่นนี้

ตลาดหุ้นจีนมีหุ้นจดทะเบียนอยู่เกือบ 5,000 บริษัท ย่อมต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการคัดสรรหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเกรดพรีเมี่ยม หนุนจากการที่คนจีนมีฐานะดีขึ้น กลุ่มเทคโนโลยี เช่น ผู้พัฒนาและผลิต Software ที่ได้รับแรงหนุนจากการใช้ Cloud และ A.I. มากขึ้น ประกอบกับการที่จีนเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ รวมทั้งกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด

หัวใจสำคัญสำหรับการลงทุนในหุ้นจีนที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงคือ การลงทุนควบคู่ไปกับสินทรัพย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นโลก หรือตราสารหนี้ ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี สะท้อนจากการที่ผลตอบแทนของหุ้นจีนมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ ต่ำ นอกจากนั้นระยะการลงทุนต้องยาวพอให้ครอบคลุมทุกช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจและการปรับเปลี่ยนนโยบาย อันเป็นคุณลักษณะหลักของการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่