กองทุนแนะปรับพอร์ต’หุ้นไทย’ รอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดันดัชนี

กองทุนแนะปรับพอร์ต’หุ้นไทย’ รอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดันดัชนี

“บลจ.เอ็มเอฟซี” หุ้นไทยระยะสั้นผันผวน รอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ดัชนีย่อแนะรายใหม่ทยอยเก็บสะสม -รายเก่ายังถือได้ “บลจ.กสิกรไทย”คงเป้าดัชนีฯปีนี้ 1,650จุด “บลจ.เอ็กซ์สปริง” มองบวกหุ้นกลุ่มการเมือง จับตาเพื่อไทยแกนนำจัดรัฐบาล

นายเชาวน์กร โชติบัณฑ์ ตำแหน่ง Head of Investment Strategy  บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่าแนวโน้มระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหว Sideways จากประเด็นการรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่และทีมเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จ มองกรอบดัชนีฯ แนวรับ 1,480 จุด กรอบแนวต้านแรก 1,560 จุด และกรอบแนวต้านที่สอง 1,600 จุด

อย่างไรก็ตาม กรณีหากพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มองว่า ภาพตลาดน่าจะสามารถดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เนื่องจากนโยบายส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ผนวกกับทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติจะมีแนวโน้มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยจึงส่งผลดีต่อตลาดทุนไทย

ทางด้านการปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นไทยของบลจ.เอ็มเอฟซี จะมีระบบการคัดเลือกหุ้นด้วยการวิเคราะห์อย่างละเอียดทั้ง Fundamental, Valuation  ราคายังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน และ Momentum  

“ปัจจุบันเราคงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะสั้นเป็น Neutral ส่วนภาพระยะกลางถึงยาวยังมีมุมมองเชิงบวกจึงให้น้ำหนักเป็น Slightly Overweight” 

มุมมองแนะนำสำหรับนักลงทุนรายเดิมที่ถือครองกองทุนหุ้นไทยอยู่ ยังสามารถถือลงทุนต่อได้ และนักลงทุนที่มีสัดส่วนหุ้นไทยในพอร์ตไม่มาก หรือเป็นนักลงทุนรายใหม่ เราแนะให้ทยอยลงทุนซื้อได้เมื่อตลาดย่อตัว เพื่อเพิ่มสัดส่วนหุ้นไทย และเน้นผลตอบแทนในระยะยาว

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นอาจมีความผันผวน จากความกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดทุนและกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 

แต่หากมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลที่มากขึ้น และจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยวคาดว่ารัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเป็นเรื่องเร่งด่วน และคาดหวังที่จะเห็นมาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเน้นที่การเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน การบริโภคภายในประเทศ การส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศ 

“หากการจัดตั้งรัฐบาลและทิศทางนโยบายมีความชัดเจนขึ้นจะเป็นผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นได้ จากความไม่แน่นอนที่ลดลงและน่าจะสามารถประเมินผลกระทบเชิงนโยบายต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนได้ชัดเจนมากขึ้น”

นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย ยังมีมุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,650 จุดได้ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหุ้นไทย จึงยังเป็นการเน้นคัดเลือกหุ้น (Stock Selection ) ในหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาตามเซ็นทริเม้นท์ความกังวลของตลาด แต่การคาดการณ์กำไรยังคงเติบโตได้ดี , หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และ หุ้นที่สามารถทำกำไรได้ดีขึ้นจากความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนที่ดีขึ้น ทั้งต้นทุนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง รวมทั้งบริษัทที่คาดว่าสามารถปรับตัวได้ และ ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า หลังจากที่รัฐสภาได้อภิปรายและโหวตไม่รับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากพิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้นายพิธาฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ทำให้เกิดสูญญากาศ และคาดการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาเป็นพรรคเพื่อไทยนั้น 

มุมมองของเรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทยในระยะยาวถึงสิ้นปี 2566 ภายใต้ความผันผวนในระยะสั้นและภายใต้สมมติฐานไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเรื่องการเมือง 

เพราะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างunderperform มากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน หากพิจารณาในมิติด้านมูลค่าพบว่าค่า forward PE 12m ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 16 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวภายใต้กรอบ -1SD หากพิจารณาหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ในระยะสั้น (1 เดือน) จะเป็น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำลังทยอยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ออกมา จะได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา 

กลุ่มท่องเที่ยวที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่าที่คาดการณ์ และสำหรับช่วงครึ่งหลังของปีที่ถือเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวในไทย น่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มสายการบิน โรงแรมและโรงพยาบาลได้รับประโยชน์ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันโลก 

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวคงต้องให้ความสำคัญกับหุ้นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย กรณีที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล เช่น กลุ่มค้าปลึก กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย 13