งบธนาคารสหรัฐ ไตรมาส 2 ดีกว่าคาด หนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น

งบธนาคารสหรัฐ ไตรมาส 2 ดีกว่าคาด หนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น

หลังจากผ่านไตรมาส 2 ไปได้ไม่นาน ก็เข้าสู่ฤดูประกาศผลการดำเนินงานเป็นที่เรียบร้อย ทำให้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กันไปต่างๆ นานาว่าธนาคารใหญ่อาจมีกำไรที่ลดลงจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งผลประกอบการของทั้ง 6 ธนาคาร จะเป็นอย่างไร ร่วมติดตามไปพร้อมกัน

นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์โดยรวมว่ากำไรของกลุ่มการเงินจะยังคงสามารถเติบโตได้ +4%YoY สวนทางกับหุ้นที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 โดยรวมที่คาดว่าจะหดตัว -7.2% YoY (ข้อมูลจาก Factset ณ วันที่ 7 ก.ค. 2023) นับว่าเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในสภาวะตลาดแบบนี้ 

JPMorgan Chase

ประกาศผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ปี 2023 ออกมา เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2023 มีรายได้ $42.4 พันล้านเหรียญ เติบโตขึ้น +34%YoY ซึ่งตลาดคาดไว้ที่ $38.96 พันล้านเหรียญเท่านั้น ถือว่าเติบโตสูงและดีกว่าคาดมาก โดยปัจจัยหลักที่หนุนรายได้คือ รายได้ดอกเบี้ย (NII : Net Interest Income) และการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของกำไรต่อหุ้นออกมาที่ $4.37 เหรียญ มากกว่าตลาดคาดที่ $4.00 เหรียญ ถือว่าผลประกอบการออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนพอสมควร หนุนราคาหุ้น JPMorgan Chase ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.26% นับตั้งแต่วันที่มีการประกาศผลการดำเนินงาน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ค. 2023) โดยในครั้งนี้ CFO นาย Jeremy Barnum ได้ออกมาเตือนว่ารายได้จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราว อย่างไรก็ดี มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อธุรกรรม M&A (การควบรวมกิจการ) ตามทิศทางของตลาดทุนที่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้น และยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะลดลง
 

Citigroup

ประกาศผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ปี 2023 ออกมาในวันเดียวกันกับ JPMorgan Chase โดยมีรายได้อยู่ที่ $19.44 ล้านเหรียญ มากกว่าคาดที่ $19.29 ล้านเหรียญ แต่หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้วถือว่ารายได้ชะลอลง -1% YoY ส่วนกำไรต่อหุ้น อยู่ที่ $1.33 มากกว่าคาดที่ $1.30 โดยรายได้ที่ลดลงนั้นมาจากธุรกิจ Investment Banking ขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นๆ เช่น Personal Banking, Wealth Management และสินเชื่อถือว่าดี ส่วนกำไรที่ลดลงนั้นปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการเลิกจ้างพนักงานและการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ด้าน CFO นาย Mark Mason ได้มีการพูดถึงประเด็นชะลอการซื้อหุ้นคืนในช่วงไตรมาส 3 โดยให้เหตุผลว่าบริษัทอาจจะต้องเพิ่มเงินกองทุนตามเกณฑ์ของ Fed ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธนาคารราคาหุ้น Citigroup ปรับตัวขึ้น 3.63%  

Wells Fargo

เป็นอีกหนึ่งธนาคารที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาในวันเดียวกันกับ JPMorgan และ Citigroup โดยรายได้อยู่ที่ $20.23 พันล้านเหรียญ มากกว่าคาดที่ $20.12 กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.25 เหรียญ มากกว่าคาดที่ $1.16 เหรียญ โดยปัจจัยหลักที่หนุนให้ทั้งรายได้และกำไรออกมาดีกว่าคาดนั้นคือ รายได้จากดอกเบี้ย (NII : Net Interest Income) ขณะที่ธนาคารมีการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเป็น $1.7 พันล้านเหรียญ เป็นตัวเลขที่สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2022 โดยความกังวลหลักนั้นมาจากสินเชื่อกลุ่ม Commercial Real Estate ประเภท Office ปล่อยเช่า สะท้อนมุมมองว่าธนาคารมีความระมัดระวังมากขึ้น ด้านราคาหุ้น Wells Fargo ปรับตัวเพิ่มขึ้น +8.20% นับตั้งแต่วันประกาศงบเป็นทิศทางเดียวกันกับธนาคารอื่นๆ 

Bank of America

ตามมาด้วย Bank of America ที่ประกาศรายได้ออกมา $25.2 พันล้าน ดีกว่าคาดที่ $25 เติบโต +2.9% YoY ส่วนกำไรต่อหุ้นออกมาที่ $0.88 เหรียญ ดีกว่าคาดที่ $0.83 เหรียญ โดยปัจจัยหนุนมาจากรายได้ดอกเบี้ย (NII : Net Interest Income) ที่เพิ่มขึ้น +14% YoY และสินเชื่อที่มีการเติบโต นอกจากนี้ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็เติบโตได้ดีที่ +8% YoY อย่างไรก็ดี ทางธนาคารได้มีการตั้งสำรองไว้ที่ระดับ $1.13 พันล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกับเมื่อปีที่แล้วที่ $571 ล้านเหรียญ สะท้อนถึงความกังวลซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับธนาคารใหญ่อื่นๆ ด้านราคาหุ้น Bank of America ปรับขึ้นมา +8.86% นับตั้งแต่วันประกาศงบ CEO Brian Moynihan ระบุว่ายังมีมุมมองต่อธุรกิจและยังมองเห็นโอกาสในการขยายส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจซื้อ - ขายหลักทรัพย์ และธุรกิจวาณิชธนกิจเพื่อเสริมรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอีกด้วย

 Morgan Stanley

ประกาศรายได้และกำไรต่อหุ้นออกมาดีกว่าคาด โดยรายได้อยู่ที่ $13.46 พันล้านเหรียญ เติบโตขึ้น +2% YoY และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.24 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว ธนาคารมีกำไรปรับลดลง ปัจจัยหลักฉุดจากรายได้จากธุรกิจซื้อ - ขายหลักทรัพย์ที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการปรับลดพนักงาน ด้าน CEO James Gorman ระบุว่าธุรกิจของ Morgan Stanley ขึ้นอยู่กับธุรกิจ Wealth Management ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยให้กำไรของบริษัทมีความมั่นคง โดยในไตรมาส 2 ธุรกิจ Wealth Management มีรายได้เพิ่มขึ้น +16% YoY ทั้งนี้ James Gorman ได้ประกาศแผนลงจากตำแหน่ง CEO ภายในปีนี้ โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงเฟ้นหาบุคลากรจากภายในมาแทนที่

Goldman Sachs

ในไตรมาสล่าสุด กำไรของบริษัทฯ อยู่ที่ $1.22 พันล้านเหรียญ คิดเป็น $3.08 เหรียญต่อหุ้น น้อยกว่าที่คาดที่ $3.18 เหรียญต่อหุ้น ปรับลดลงถึง 58% YoY ด้านรายได้อยู่ที่ $10.9 พันล้านเหรียญ มากกว่าคาดที่ $10.84 พันล้านเหรียญ แต่ปรับลดลงราว -8% YoY ทั้งนี้รายได้ของ Goldman Sachs ชะลอลงจากธุรกิจ Trading และ Investment Banking  นอกจากนี้ยังได้รับผลของการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ (impairment) จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และบริษัทลูก GreenSky ซึ่งทำธุรกิจ Buy Now Pay Later โดยสาเหตุที่ผลการดำเนินงานที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด สวนทางกับรายได้และกำไรของธนาคารส่วนใหญ่เป็นเพราะ Goldman Sachs พึ่งพารายได้ส่วนใหญ่จากธุรกิจ Trading และ Investment Banking ซึ่งมีความผันผวนสูงตามสภาวะของตลาด ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมักจะดีหรือแย่ตามทิศทางของการลงทุนโดยภาพรวม อย่างไรก็ดีราคาหุ้น Goldman Sachs ปรับขึ้นมา +7.56% นับตั้งแต่วันประกาศงบ

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานของธนาคารขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด แต่ก็มิได้หมายความว่าธุรกิจกลุ่มอื่นๆ จะมีผลการดำเนินงานออกมาในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องคอยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอื่นๆ ที่จะประกาศออกมาหลังจากนี้ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม Technology ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนไปค่อนข้างมาก อีกทั้งในระยะสั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะเผชิญความผันผวนจาก 2 ปัจจัยคือ 1) สัญญาออปชันที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 21 ก.ค. 2023 มูลค่ากว่า $2.4 trillion และ 2) การ Rebalance ดัชนี NASDAQ100 ในวันจันทร์ที่ 24 ก.ค. 2023 ซึ่งเป็นการทำนอกรอบเวลาปกติ ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนจากการลงทุนในระยะนี้ด้วย

ที่มา : CNBC, Seeking Alpha, Company Presentation & Bloomberg

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมา และพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสม และรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยง และเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0-2633-6000 กด 4, 0-2080-6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds