DSI เผย "ชนินทร์" ตัวการใหญ่คดี STARK เผ่นตั้งหลักฮ่องกง

DSI เผย "ชนินทร์" ตัวการใหญ่คดี STARK เผ่นตั้งหลักฮ่องกง

DSI เผย "ชนินทร์" ตัวการใหญ่คดี STARK เผ่นตั้งหลักฮ่องกง สั่งออกหมายจับด่วน ไม่ทราบหนีไปไหนต่อ ขณะที่ ออกหมายเรียก "ศรัทธา" ให้ปากคำ เบื้องต้นยังไม่หนี แต่ไม่รู้จะเลื่อนให้ปากคำหรือไม่ ระบุ ข้อเท็จจริงคดีนี้มีแล้ว 80% ที่เหลือเป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนฟ้อง

พ.ต.ต.ยุทธยา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) เปิดเผยในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ว่า วันนี้ (ก.ค.)ทางดีเอสไอได้เรียกนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ STARK เข้ามาให้ปากคำในคดีหุ้น STARK ซึ่งทางดีเอสไอได้พบพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่า จะหลบหนี ซึ่งเราก็ได้ขอหมายจับไว้แล้ว เบื้องต้นทราบว่า ได้หลบหนีไปยังฮ่องกง ส่วนจะหนีไปไหนต่อ อยู่ระหว่างการสืบสวน

ส่วนนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน STARK ซึ่งดีเอสไอได้ออกหมายเรียกเพื่อมาสอบปากคำคดีดังกล่าวในวันพรุ่งนี้นั้น ยังไม่ได้มีการหลบหนี เท่าที่ฟังจากสื่อนั้น นายศรัทธา บอกว่า ยังไม่ได้รับหมายเรียก ซึ่งวันนี้ ทางดีเอสไอจะส่งหมายเรียกไปอีกครั้ง ก็ยังไม่ทราบว่า จะมาหรือเลื่อนระยะเวลาการให้ปากคำ

เขากล่าวว่า สำหรับคดีหุ้น STARK นั้น ขณะนี้ มีคดีที่เป็นทางการเพียงคดีเดียว ผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายชนินทร์ เย็นสุดใจ คนที่สอง คือ นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ โดยคนที่มาแจ้งความในนามนิติบุคคล ลงนามแจ้งโดย นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ STARK ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค.นี้ นายวนรัตน์ ได้ขอมาพบที่ดีเอสไอ แต่ไม่ได้พบกับตน ซึ่งตนจะติดตามจากพนักงานสอบสวนในวันนี้

“เสี่ยเอได้มาพบจริง แต่ไม่ได้คุยกับผม และยังไม่ได้เรียกรายละเอียดมาอ่าน ขณะนี้ วนรัตน์ยังถือว่า เป็นผู้เสียหาย ยังไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยDSIอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ตัวละครที่มีทั้งหมด ตอนนี้ เราทราบรายละเอียดพฤติกรรมว่าเกิดอะไรขึ้นในสตาร์ค แต่อยู่ระหว่างไล่ตามเก็บพยานหลักฐานเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงตามไทม์ไลน์ เมื่อแล้วเสร็จจะพิจารณาว่า ใครจะรับผิดทางอาญาบ้าง”

สำหรับข้อเท็จจริงที่ได้มานั้น จะมาจากหลายส่วน ทั้งจาก ก.ล.ต.ที่ได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้สอบบัญชีที่เป็นผู้พบความผิดปกติ รวมทั้ง พยานบุคคลบางส่วน ฉะนั้น ขณะนี้ ข้อเท็จจริงก็ชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้น โดยข้อมูลที่ได้ในคดีนี้มีแล้วประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% คือ พยานหลักฐาน เมื่อได้ครบจะนำมายืนยันเพื่อประกอบสำนวน

“ประเด็นในการทำสำนวน เมื่อนายศรัทธา บอกว่า มีใครแต่งบัญชี หลักฐานต่อไปคือ ใครสั่ง ใครได้ประโยชน์จากการแต่ง เบื้องต้น เราเชื่อว่า ชนินทร์ สั่ง และไม่ได้มีคนเดียว ถ้ามีพยานหลักฐานถึงใครเราก็จะดำเนินคดีทั้งหมด โดยอธิบดีได้เน้นย้ำว่า ถ้ามีพยานว่า ใครกระทำความผิด ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดส่วนเสี่ยเอ มีโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์ จะตกเป็นผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ ก็มีโอกาส ส่วนเสี่ยกอล์ฟ ก็มีชื่อในจำนวน ก็ต้องดูพยานหลักฐานไปถึงว่า มีส่วนร่วมขั้นตอนไหน ได้รับประโยชน์เมื่อใด”

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์