‘STARK-ALL’ทุบตลาดหุ้นกู้ ‘ThaiBMA' ชี้นักลงทุนชะลอซื้อบอนด์ไร้เรตติ้ง

"สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย" เผยมูลค่าคงค้างหุ้นกู้มีปัญหาไม่รวมเข้าฟื้นฟู้กิจการครึ่งปีแรกแตะ 3.72 หมื่นล้าน พร้อมจับตาหุ้นกู้ ALL 4 รุ่น จ่อเบี้ยวจ่ายหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ หวังผู้ถือหน่วยต่อลมหายใจ ยันผลกระทบภาพรวมยังจำกัด หลัง "สตาร์ค" ทุบตลาดหุ้นกู้นอนเรตติ้งซบเซา
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) รายงานมูลค่าคงค้างหุ้นกู้มีปัญหา ณ 30 มิ.ย. 2566 รวม 37,248 ล้านบาท (ไม่รวมหุ้นกู้ที่อยู่ในการฟื้นฟูกิจการ) แบ่งเป็น หุ้นกู้ที่เกิดการผิดนัดชำระดอกเบี้ย (Default Payment) 22,950 ล้านบาท จำนวน 7 บริษัท , หุ้นกู้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ (Restructure) 14,297 ล้านบาท จำนวน 15 บริษัท และหุ้นกู้ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ (Rehabilitation) 72,827 ล้านบาท จำนวน 2 บริษัท
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า กรณีหุ้นกู้ของ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL จำนวน 4 รุ่น (ALL230A , ALL235A, ALL242A, ALL252A) ประกาศผิดนัดชำระดอกเบี้ยรวม 16.88 ล้านบาท และมีมูลค่าคงค้างหุ้นกู้รวม 1,431.70 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมานั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามระดมทุนหาเงินมาเสริมภาพคล่อง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ส่งผลให้เมื่อวันศุกร์ 30 มิ.ย. 2566 บริษัทจำต้องแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้จำนวน “4รุ่น” ประกอบด้วย
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2564 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน หรือ หุ้นกู้รุ่น ALL230A 2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2563 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน หรือ หุ้นกู้รุ่น ALL235A
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน หรือ หุ้นกู้รุ่น ALL242A และ4. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน หรือหุ้นกู้รุ่น ALL252A
ขณะนี้ยังส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างจำกัด เพราะเป็นหุ้นกู้ ALL รุ่นเดิมๆ ที่เคยเกิดปัญหาเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้และได้รับการผ่อนผันไปแล้วเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมานี้ แต่ยังไม่สามารถชำระได้เป็นเหตุสะสมมาและเป็นปัญหาเฉพาะตัวบริษัท ส่วนหนึ่งตลาดรับข่าวไปแล้ว และมูลค่าที่เกิดปัญหาไซด์ไม่ใหญ่มาก
ขณะเดียวกันก็อาจมีนักลงทุนรายใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทราบข่าวนี้มาก่อนเข้าใจผิดคิดว่า เป็นหุ้นกู้ตัวใหม่ที่มีปัญหา ทำให้ผลต่อบรรยากาศการลงทุนได้เช่นกัน แต่ผลกระทบค่อนข้างจำกัดแล้ว หลังจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังต้องติดตามความเสี่ยงใกล้ชิดว่าผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวจะยังให้โอกาสผ่อนปรนการชำระหนี้ต่อไปหรือจะผิดนัดชำระหนี้โดยพลันเพิ่มเติมเข้ามาอีก
"ที่ผ่านมาหุ้นกู้ที่เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ 15 บริษัท เรียกได้ว่า ส่วนใหญ่ผู้ลงทุนได้ให้โอกาสผ่อนปรนยืดชำระหนี้ให้มาโดยตลอด หากบริษัทสามารถแสดงความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาว่าจะปรับปรุงการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้มีเงินมีชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนด คาดว่าผู้ถือหุ้นกู้ก็คงให้โอกาส เมื่อสภาพแวดล้อมดีขึ้นน่าจะผ่านพ้นไปได้เช่นบางบริษัทที่ผ่านมา"
นางสาวอริยา ประเมินว่า สำหรับผลกระทบจากหุ้นกู้ ALL ในรอบนี้ต่อตลาดตราสารหนี้ไทยนั้น ยังค่อนข้างจำกัดอยู่ และหุ้นกู้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ยังมีจำนวนทั้งหมด 15 บริษัทเท่าเดิม ทั้งนี้หลังเกิดกรณีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ขึ้นนั้น ได้มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน โดยมีการชะลอการลงทุนในหุ้นกู้ประเภทนี้ไปมาก จากเดิมตลาดนี้ค่อนข้างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม พบว่านักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวังก่อนการลงทุนหุ้นกู้ประเภทนอนเรตติ้ง หรือมีเรตติ้งต่ำๆ รวมทั้งไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะพิจารณาบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากกว่า มีทำเลที่ตั้งมีศักยภาพและดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และตอนนี้เริ่มถามหาการลงทุนประเภทอื่นๆ แทน เช่น พันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกใหม่หรือการลงทุนในหุ้นกู้ระดับลงทุนได้ เป็นต้น
รวมถึงจะเห็นได้ว่าผู้ออกหุ้นกู้ประเภทนี้จะมีปริมาณการออกหุ้นกู้ใหม่ มูลค่าไม่สูงมาก หรือ เท่ากับมูลค่าเท่ากับการต่ออายุหุ้นกู้เดิม (rollover) ไม่ได้ใช้กรีนชูเพิ่มเติมอีกด้วย







