เมกะเทรนด์เปลี่ยนโลก โอกาสแห่งอนาคตการลงทุน

เมกะเทรนด์ หรือ Mega Trends ที่เราเคยได้ยินบ่อยๆ นี้ มีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้น และมีแนวโน้มที่จะอยู่ระยะยาวไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้วิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนไป และส่งผลให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Mega Trends มีแนวโน้มเติบโตได้ในระยะยาว ดังนั้น ความกังวลถึงปัญหาหนี้ภาคการคลังสหรัฐจะได้บทสรุปอย่างไร หรือผลการเลือกตั้งในสหรัฐปี 2567 ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ แล้วธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะเริ่มลงดอกเบี้ยเมื่อไร เทรนด์ระยะสั้นเหล่านี้ เป็นเพียงปัญหาที่ต้องนำมาวิเคราะห์การลงทุนแบบเฉพาะหน้าหรือระยะสั้นเท่านั้น

เทคโนโลยีครอบคลุมทุกมิติชีวิต

เมื่อไม่กี่วันมานี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จํากัด หรือ บลจ.ยูโอบี ได้แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่มีความสามารถในด้านการสร้างกำไรที่สม่ำเสมอ และมีพื้นฐานรองรับการเติบโตที่ชัดเจน สามารถโตเป็น เมกะเทรนด์ อย่างหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics & AI) ธุรกิจอีวียานยนต์ไฟฟ้า (EV), ธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน (ESG), พลังงานสะอาด (Clean Energy) ความล้ำสมัยแบบนี้ สะท้อนอย่างชัดเจนว่าเมกะเทรนด์คือสิ่งที่มีแนวโน้มว่าจะอยู่กับเราไปในระยะยาว ลองนึกย้อนไป 3 ปี ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อันเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้มนุษย์ยอมรับและปรับใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีจะยิ่งเข้ามามีบทบาทกับมนุษย์ในหลายแง่มุมมากขึ้น และจะล้อไปกับแนวโน้มต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถือเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญที่ผูกโยงไปกับอีกหลายเมกะเทรนด์ที่จะเล่าให้ฟังต่อไป

ปัจจัยหลักที่จะเป็นเมกะเทรนด์ตั้งต้นของทุกเมกะเทรนด์คงต้องเริ่มจากแนวโน้มของ "คน" หรือประชากรโลกที่จะกำหนดแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในโลกอนาคต

Healthcare ไม่พอต้อง Health Tech

คนไทยได้สัมผัสถึงสังคมสูงวัยตั้งแต่ปี 2565 ที่เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ เป็นภาพที่สอดคล้องกับทั่วโลก โครงสร้างประชากรที่จะเปลี่ยนไป จำนวนผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น องค์การอนามัยโลกระบุว่าหนึ่งในหกคนบนโลกใบนี้จะมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ภายในปี 2573 และภายในปี 2593 กลุ่มอายุนี้คิดเป็นเกือบหนึ่งในห้าของทางประชากรโลก หรือราว 2.1 พันล้านคน ในขณะที่ผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็น 426 ล้านคน เมื่อมนุษย์มีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น ธุรกิจที่จะมารองรับเมกะเทรนด์นี้จึงหนีไม่พ้นอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ Healthcare ทั่วโลกจะเป็นตัวสร้างโอกาสสำหรับนักลงทุน เพราะธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก และที่ขาดไม่ได้คือธุรกิจนวัตกรรมด้านสุขภาพหรือ Health Tech ที่ได้เห็นจากช่วงโควิด-19 แล้วว่าผู้ผลิตวัคซีน mRNA Vaccine อย่าง BioNTech (Pfizer) และ Moderna ราคาหุ้นพุ่งไปหลายเท่าตัว ทำให้สตาร์ทอัพ Moderna มีมูลค่าตลาดพุ่งไปเกือบแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากการนี้ยังเห็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมสุขภาพยังครอบคลุมไปในมิติอื่นๆ เช่น การพบหรือปรึกษาแพทย์ทางไกลก็เป็นที่นิยมมากขึ้น รวมถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ธุรกิจสุขภาพยังถือเป็นความได้เปรียบสำหรับนักลงทุนเพราะสามารถลงทุนได้ในทุกๆ ภาวะตลาด เพราะไม่ว่าอย่างไร ค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มขึ้นเท่าไรแต่มนุษย์ก็ต้องยอมแลกมาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กำลังซื้อลูกใหญ่ รอวันระเบิดที่เอเชีย

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรที่จะนำไปสู่ เมกะเทรนด์ สำคัญของโลกคือการเติบโตของชนชั้นกลางในเอเชียที่จะเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต โดยตลาดเกิดใหม่ที่ประชากรจะมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นแซงประเทศที่พัฒนาแล้วในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ดังนั้นจะได้เห็นอำนาจซื้อย้ายจากโซนตะวันตกมาสู่ตะวันออกมากขึ้น โดย McKinsey & Co เปิดเผยรายงานเรื่อง China consumer report 2020 : The many faces of the Chinese consumer ว่าในปี 2562 ตัวเลขการช้อปปิ้งออนไลน์สำหรับวันคนโสดในจีนมีมูลค่าเกิน 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่ายอดขายรวมของวัน Black Friday และ Cyber Monday ในสหรัฐอเมริกาเสียอีก อย่างไรก็ตามองค์การสหประชาชาติได้คาดการณ์ว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.7 พันล้านคน ภายในปี 2593 ส่งผลต่อความต้องการด้านบริโภคอาหารและน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของโลกกำลังสร้างข้อจำกัดในการผลิตอาหารป้อนมนุษย์โลก การขาดอาหารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

รวมถึงการเข้าถึงน้ำสะอาดของประชากรกว่า 2 พันล้านคน สิ่งที่เริ่มคุ้นตาเวลาเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตเวลานี้คือตู้แช่อาหาร Plant Based หรืออาหารทดแทนเนื้อสัตว์ที่มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น มนุษย์พยายามพัฒนาเทคโนโลยีด้านเกษตรและอาหารมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลผลิต ลดการสร้าง Food Waste ที่สำคัญยังช่วยลดการใช้พื้นที่ฟาร์มที่อาจต้องไปบุกรุกพื้นที่ป่ารวมถึงลดข้อครหาเรื่องการสร้าง ก๊าซเรือนกระจก และการใช้ยาปฏิชีวนะอีกด้วย ได้มิติของการสร้างความยั่งยืนที่เป็นอีกเมกะเทรนด์สำคัญที่กำลังจะพูดถึงต่อไป

สร้างความยั่งยืนให้โลก

เมื่อพูดถึงเรื่องระยะยาวหนีไม่พ้นด้านการสร้าง ความยั่งยืน ที่จะเป็นเครื่องมือทำให้อยู่บนโลกใบนี้ต่อไปในอนาคต เพราะได้เห็นแล้วว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่แค่ความเสื่อมตามวัฏจักรเท่านั้น แต่ส่วนสำคัญมาจากมนุษย์ที่ไม่เคารพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระแสที่กำลังมาแรงเวลานี้คือความตื่นตัวในเรื่องของ ESG สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงการนำมาใช้กำกับธุรกิจรวมถึงกำหนดกลยุทธ์การลงทุนและการดำเนินกิจการเพื่อไปถึงเป้าหมายการลดคาร์บอนตามที่แต่ละประเทศประกาศเป็นเป้าหมายร่วมกันในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จัดมาเป็นครั้งที่ 27 หรือที่เรียกว่า "COP27"

ความนิยมในการใช้ พลังงานสะอาด (Clean Energy) ยานยนต์ไฟฟ้าที่จะช่วยลดการใช้พลังงานฟอสซิลที่สร้างมลพิษให้กับโลกเพิ่มเติม นำมาสู่โอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อย่างเช่น ลิเทียม แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์ AI เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ การทำความเข้าใจเรื่องเมกะเทรนด์ของโลก จะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นความเป็นไปของโลกอนาคต รวมถึงโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวได้ หากควรต้องมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลงทุนที่ตั้งไว้