เปิด 7 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้เงินต้นหมดไว ไม่มีปัญหาหนี้คงค้าง

เปิด 7 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้เงินต้นหมดไว ไม่มีปัญหาหนี้คงค้าง

ธอส.เปิด 7 เคล็ดลับการผ่อนชำระค่างวดบ้านให้หมดไว หมดปัญหาหนี้สินคงค้าง แถมยังช่วยลดค่าดอกเบี้ยไปได้อีกจำนวนมาก แค่วางแผนให้ดี พิจารณาสภาพคล่องทางการเงินรอบคอบ ประกอบกับการมีวินัยในการผ่อนชำระให้ตรงเวลา เท่านี้การเป็นเจ้าของบ้านในฝันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อย่างที่รู้กันดีว่าการ ผ่อนบ้าน นั้นเป็นเหมือนการแบกรับภาระหนี้สินก้อนใหญ่ แต่ไม่ว่าใครก็อยากที่จะปลดภาระนี้ทิ้งไปให้เร็วที่สุด แต่ด้วยความที่หนี้นั้นมีขนาดใหญ่มาก ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มีในแต่ละเดือนก็ไม่มีเหลือมากพอที่จะนำมาโปะ การจะจัดการหนี้ส่วนนี้ให้หมดโดยเร็วจึงเป็นไปได้ยากมากแต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พามาเปิด7 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้เงินต้นหมดไว หมดปัญหาหนี้สินคงค้าง แถมยังช่วยลดค่าดอกเบี้ยไปได้อีกจำนวนมาก

ผ่อนบ้านยังไงเงินต้นถึงจะหมดเร็ว

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าต้องผ่อนบ้านยังไงเงินต้นถึงจะหมดเร็วขึ้น โดยปกติแล้วค่างวดที่เราส่งให้กับธนาคารในทุกๆ เดือนนั้น จะถูกแบ่งจ่ายเป็น 2 ส่วนได้แก่ เงินต้น ดอกเบี้ย ซึ่งในช่วงแรกจะหนักไปที่ดอกเบี้ยเสียมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น กู้ซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท มีดอกเบี้ย 7% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนทั้งหมด 30 ปี งวดละ 14,000 บาท

โดยเงินจำนวนนี้จะหักเงินต้นไปทั้งหมด 2,075 บาท แต่นำไปหักดอกเบี้ยมากถึง 11,925 บาทเลยทีเดียวแต่ดอกเบี้ยจากการผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอก ยิ่งคุณผ่อนจนเงินต้นลดน้อยลงดอกเบี้ยก็ยิ่งน้อยลงตาม นั่นหมายความว่าหากคุณสามารถจัดการกับเงินต้นได้ คุณก็ยิ่งผ่อนบ้านได้เร็วขึ้น

1. จ่ายเกินทุกงวด

เงินในแต่ละงวดที่คุณจะต้องจ่ายนั้นประกอบไปด้วย เงินต้น + ดอกเบี้ย ซึ่งจะหนักไปที่ดอกเบี้ยเสียส่วนมากแต่ถ้าคุณจ่ายเงินเกินกว่าจำนวนที่ทางธนาคารกำหนดให้คุณจ่ายมาในแต่ละเดือน เงินส่วนที่เกินมานั้นก็จะไปหักกับเงินต้นเดิม ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถผ่อนได้หมดไวขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ในแต่ละงวดคุณต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านให้กับธนาคาร 10,000 บาทเป็นระยะเวลา 30 ปีแต่ถ้าหากคุณโปะเพิ่มไปอีกเป็นจ่ายเดือนละ 20,000 บาท จะช่วยลดระยะเวลาในการผ่อนจาก 30 ปีเหลือเพียง 9-10 ปีเท่านั้น

แต่ถ้าหากไม่ได้มีเงินโปะทีละมากๆ ทุกเดือน คุณอาจเลือกโปะเพิ่มทีละน้อยๆ ประมาณ 10 – 20% ก็ช่วยลดเงินต้นลงไปได้มากเช่นกัน อีกทั้งยังไม่กระทบกับภาระทางการเงินของคุณอีกด้วย

2. จ่ายเพิ่มปีละครั้ง

การจ่ายค่างวดเพิ่มปีละครั้งจะคล้ายกันกับการเพิ่มเงินจ่ายในทุกๆ งวด แต่จะต่างกันที่การจ่ายเพิ่มปีละครั้งนั้นจะเป็นการจ่ายเพิ่มอีกงวดนึงแทน จึงกลายเป็นว่าจากเดิมที่คุณผ่อนจ่าย 12 ครั้งต่อปี ก็กลายมาเป็น 13 ครั้งต่อปี แม้ที่จ่ายเพิ่มจะไม่ได้เป็นเงินจำนวนมาก แต่ก็ช่วยลดจำนวนเงินต้นลงไปได้ในระดับหนึ่ง

3. รีบโปะเพิ่มช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน ธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำตามเงื่อนไขหรือโปรโมชั่นของทางธนาคาร หากในช่วงนั้นคุณพยายามโปะเงินเพิ่ม จะทำให้เงินต้นลดลงไปได้อย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ สินเชื่อบ้านนั้นเป็นรูปแบบการกู้แบบลดต้นลดดอก กาารโปะเงินเพิ่มเพื่อลดเงินต้น จะทำให้ดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในช่วงหลังจากนี้ลดลงไปอีกด้วย  

โดยอาจเพิ่มเป็นเงินจำนวนน้อยๆ ในแต่ละเดือนตามกำลังทรัพย์ที่ไหวก่อน แล้วค่อยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแต่พยายามโปะเพิ่มให้ได้มากที่สุดในช่วงนี้ เพื่อที่ตอนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วจะได้ไม่ลำบาก

4. มีเงินก้อนต้องโปะ

หากคุณเป็นพนักงานบริษัทและได้โบนัสทุกๆ ปี ถ้าอยากให้หนี้สินหมดไวก็ต้องทนกัดฟันยอมนำเงินก้อนนี้ไปโปะค่าบ้าน ซึ่งนอกจากเงินต้นที่จะลดลงไปเป็นจำนวนมากแล้ว ดอกเบี้ยที่คุณะต้องเสียก็ยังลดลงอีกด้วย

5. ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่

อย่างที่ทราบกันดีว่า การผ่อนบ้านจะมีรูปแบบดอกเบี้ยแบบ MRR ซึ่งในปีต่อๆ ไปจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เช่น จากเดิม 3% แต่เมื่อผ่านไป 3 ปีกลับเป็น 6.5% ซะอย่างนั้น ทำให้คุณต้องจ่ายเพิ่มอีกจำนวนมาก แถมที่ต้องจ่ายก็เป็นดอกเบี้ยเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่เงินต้น แต่คุณสามารถปรับโครงสร้างหนี้ใหม่เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ โดยมีอยู่ 2 วิธี ดังนี้

Refinance (รีไฟแนนซ์)

การ Refinance (รีไฟแนนซ์) เป็นวิธีที่จะย้ายหนี้เดิมของคุณจากธนาคารหนึ่ง ไปอีกธนาคารหนึ่ง ซึ่งธนาคารใหม่จะเสนออัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าทำให้คุณสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดภาระการผ่อนบ้านให้กับคุณได้เป็นอย่างมาก

Retention (รีเทนชั่น)

ในการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องย้ายไปธนาคารอื่นซะทีเดียว เนื่องจากธนาคารหลายๆ แห่งก็มีโปรโมชั่นในการปรับอัตราดอกเบี้ยกับที่เดิม เรียกว่า Retention (รีเทนชั่น) ซึ่งจะมีความยุ่งยากน้อยกว่าการย้ายไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่น โดยเฉพาะถ้าคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาโดยตลอด ธนาคารจะยิ่งอนุมัติการรีเทนชั่นเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม ต้องอ่านสัญญาให้ดีก่อนว่าคุณสามารถทำการปรับโครงสร้างหนี้ได้ตอนไหน ซึ่งปกติแล้วจะสามารถทำได้เมื่อมีอายุสินเชื่อตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป หากคุณทำไม่ตรงตามเงื่อนไขสัญญาและรีไฟแนนซ์ก่อน คุณอาจจะต้องเสียค่าปรับจากธนาคารเดิมเป็นจำนวนมากซึ่งจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปได้

6. ติดตามข่าวสาร มองหาโปรโมชั่นเสมอ

แต่ละธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นสินเชื่อเพื่อการผ่อนบ้านเฉพาะของแต่ละช่วงเวลาออกมา เช่น โปรลดดอกเบี้ย 3 ปี หรือโปรยืดระยะเวลาผ่อน แต่คุณก็ต้องติดตามข่าวสารเอาไว้ให้ดีๆ เพราะโปรโมชั่นเหล่านี้เป็นที่ต้องการมาก หากคุณไม่ได้ติดตามข่าวสารตลอดเวลาและติดต่อช้าเกินไปล่ะก็ คุณอาจจะพลาดโอกาสดีๆ ที่จะลดภาระทางการเงินของคุณได้

7.อย่าสร้างหนี้สินเพิ่ม

นอกจากวิธีการผ่อนบ้านต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว คุณจะต้องมีวินัยในตัวเองโดยการ ไม่สร้างหนี้สินเพิ่ม เพราะแค่หนี้จากการผ่อนบ้านก็เป็นภาระที่ใหญ่มากพออยู่แล้ว หากคุณยังเลือกที่จะผ่อนนั่นผ่อนนี่เพิ่มภาระให้กับตัวเองอีก หนี้สินของคุณก็ยิ่งทับซ้อนกัน 

เพราะฉะนั้นควรสร้างวินัยให้กับตัวเอง หากมีอะไรที่จำเป็นแนะนำว่าจ่ายเป็นเงินสดจะดีที่สุด มิฉะนั้นคุณอาจต้องแบกรับภาระการผ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปไม่จบไม่สิ้น

 

สรุป

จากวิธีการทั้งหมดที่ได้กล่าวมา เพียงแค่คุณวางแผนให้ดี พิจารณาสภาพคล่องทางการเงินอย่างรอบคอบประกอบกับการมีวินัยในการผ่อนชำระให้ตรงเวลา เท่านี้การเป็นเจ้าของบ้านในฝันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป