‘กอบศักดิ์’ โยน 3โจทย์รัฐบาลใหม่ สร้างแรงส่งเศรษฐกิจ - ดึงต่างชาติเข้าไทย

‘กอบศักดิ์’ โยน 3โจทย์รัฐบาลใหม่ สร้างแรงส่งเศรษฐกิจ - ดึงต่างชาติเข้าไทย

“กอบศักดิ์” แนะ 3 โจทย์รัฐบาลใหม่ เพิ่มเสน่ห์ดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ เพิ่มแรงส่งเศรษฐกิจไทย หลังพบช่วงที่ผ่านมา เงินทุนไหลออกต่อเนื่อง เหตุไม่ใช่หลุมหลบภัยอีกต่อไป

      นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวในงานสัมมนา "Investment Forum : New Chapter , New Opportunity  ที่จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ว่า ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง บางช่วงติดลบถึง 10% โดยเฉพาะช่วงหลังเลือกตั้ง สะท้อนภาพเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ซึ่งสวนทางกับตลาดอื่น เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐ​

      “เงินที่ไหลเข้าไทยในปีก่อน เพราะมองว่าไทยเป็นที่หลบภัย แต่เมื่อมรสุมครั้งใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว คุณค่าของหลุมหลบภัยอย่างประเทศไทย จึงไม่มีอีกต่อไป เม็ดเงินส่วนใหญ่จึงไหลออกจากไทยไปประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมมากกว่า ซึ่งประเด็นนี้ต้องบอกว่าการเมืองก็มีผลด้วย”

        สำหรับการลงทุนในปีนี้ ประเด็นสำคัญ มองว่า เฟดยังไม่จบรอบของการขึ้นดอกเบี้ย อาจเห็นการหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว และขึ้นต่อในครั้งถัดไป แต่หัวใจอีกด้านที่สำคัญ โลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ผลประกอบการมีแนวโน้มลดลง  มีโอกาสสูงที่จะเกิดวิกฤติในภาคต่างๆ ทั้งภาคอสังหาฯ ภาคแบงก์ และเมื่อวิกฤติมาเต็มที่ เงินเฟ้อก็อาจลดลงได้ ดังนั้นหลังจากนี้ มองว่า ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนยังไม่จบ

ท่ามกลางวิกฤติยังมีโอกาสในการลงทุน 4 สินทรัพย์

     อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤติยังมีโอกาส ยังมีการลงทุนที่น่าสนใจ ด้านแรกตลาดหุ้น แต่ปีนี้ไม่ใช่ปีทองของตลาดหุ้นไทย แต่เป็นปีของการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสที่มาจาก ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่สามารถลงทุนได้ ในช่วงก่อนจบรีเซกชัน ที่ตลาดการลงทุนต่างๆ จะเริ่มฟื้นตัว

       ด้านที่สอง ตลาดพันธบัตร ที่มองว่า อาจมีโอกาสสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังสามารถจัดการกับเงินเฟ้อได้ อาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในตลาดพันธบัตรที่มีโอกาสได้ดอกเบี้ยที่ดี และมีโอกาสที่ราคาพันธบัตรจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

       ด้านที่สาม ทองคำ ที่ผ่านมาราคาปรับตัวสูงขึ้น ทุกครั้งต้องเกิดวิกฤติ หรือสหรัฐจีน ขัดแย้งชัดเจน อาจทำให้เห็นการหันไปถือทองคำมากขึ้น

      สุดท้ายคือ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี ที่เชื่อว่า บริษัท หรือคริปโทฯ ที่อยู่รอดได้ในปัจจุบัน จะเป็นตัวที่มีพื้นฐานแกร่ง ที่น่าสนใจ

3 โจทย์ดึงต่างชาติเข้าไทย

      นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า การทำให้ประเทศไทย กลับมามีเสน่ห์ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ดึงดูดการลงทุน ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีเสถียรภาพ เป็นสิ่งที่ตลาดเงินตลาดทุนต้องการมากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนต้องการหลังจากนี้คือ หลังตั้งรัฐบาลใน 3-4เดือนข้างหน้า ต้องทำให้ทุกอย่างนิ่งพอ เพื่อที่ทุกอย่างจะสามารถโตได้

     หากตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่าโจทย์สำคัญ มี 3 ด้านที่เป็นสิ่งสำคัญคือ ด้านแรกรัฐบาลต้องรักษา “แรงส่ง” จากการส่งออกจีน ไทยมีโอกาส หากเร่งการส่งออกไปจีนมากขึ้น จากอานิสงส์ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน 

     ขณะที่ท่องเที่ยว เป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย และคาดว่าปีนี้จะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาสูงสุด 30 ล้านคน แต่จำเป็นต้องปลดล็อก และสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น เช่น การสนับสนุนด้านวีซ่า หรือฟรีวีซ่า เพื่อหนุนให้ต่างชาติเข้ามามากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น

      ทั้งนี้ กว่าจะเห็นรัฐบาลตั้งเสร็จอาจ เห็นการลงทุนของภาครัฐ ช้าไปราว 1ไตรมาส ดังนั้นโอกาสนี้เป็นจังหวัดที่ดี ที่ภาครัฐ จะมีการเร่งรัดโครงการลงทุนที่ค้างให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

เงินบาทอ่อนค่าส่งออกได้ประโยชน์

     นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยหากไม่ได้อยู่ในระดับสูงเกินไป อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมไม่ควรจะแข็งค่าเกินไป เพราะหากเงินบาทแข็งค่า อาจกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว กระทบต่อการส่งออก และการท่องเที่ยวไทย แต่หากเงินบาทอ่อนค่าหลายภาคธุรกิจจะได้รับปัจจัยบวก เกษตรกร  20 ล้านคน การท่องเที่ยว 10 ล้านคน ส่งออกอีก 3-4 ล้านคน ดังนั้นคนกว่าครึ่งของประเทศไทยได้ประโยชน์ ดังนั้นต้องยอมให้เงินบาทอ่อนค่ามากขึ้นในระยะนี้

     สอง การสร้างอนาคตให้กับประเทศ การลดอุปสรรคข้อกฎหมายต่างๆ หรือ Regulatory Guillotine กฎหมายที่เป็นอุปสงค์ และทำให้เกิดต้นทุนกับภาคธุรกิจ ดังนั้นหาสามารถแก้กฎหมายต่างๆ ได้ จะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า

    รวมถึงการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ สตาร์ตอัป และผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นฮับของอาเซียน ควบคู่ไปกับสร้าง New S-Curve ใหม่ของประเทศ ดังนั้นทำอย่างไรให้ประเทศไทย สามารถปลดล็อกกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคของการลงทุน และเอื้อให้เกิดประโยชน์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น

      รวมถึงการผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ก็สำคัญเพราะคือ ท่าเรือสำคัญที่จะเปิดประตูไปสู่ประเทศอินเดีย

       นอกจากนี้ หากเราเป็น Hub ประเทศไทยจะคึกคักมากกว่านี้ หากสามารถแก้กฎหมายให้ต่างชาติเข้ามา เชื่อว่าจะส่งผลบวกกับไทยค่อนข้างมาก ซึ่งไม่ได้เสียหาย แต่จะสร้างประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมาก ที่สำคัญที่อยากให้รัฐบาลใหม่ทำคือ ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนอย่างแท้จริง มีทางออกสู่ทะเลสองด้าน อีกด้านคือ ท่าเรือแหลมฉบับอีกด้านคือ ทางออกสู่อันดามัน

       เหล่านี้จะทำให้แวลูของประเทศไทยเพิ่มขึ้น และเมื่อมีแวลูขึ้น ใครก็อยากมาลงทุน เงินก็จะไหลเข้า มูลค่าที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น

       สาม พัฒนาอย่างสมดุล ลดความขัดแย้งเมืองชนบท เพราะสิ่งสำคัญ เมื่อส่งเสริมให้เกิดโมเมนตัม ส่งเสริมให้เกิดโมเมนตัม สร้างอนาคต ที่สำคัญเราควรใช้โอกาสนี้ สร้างความสมดุล เพราะที่ผ่านมามีความขัดแย้ง จากการเลือกตั้งครั้งก่อนมีปัญหา ประเด็นที่ยกขึ้นมามากที่สุดคือ เกิดความไม่เท่าเทียมกัน 

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์