ไอแบงก์ตั้งเป้าลดหนี้เสียปีนี้5พันล้าน

ไอแบงก์ตั้งเป้าลดหนี้เสียปีนี้5พันล้าน

ไอแบงก์รับหนี้เสียทรงตัวอยู่ในระดับ 1.3 หมื่นล้านบาท หรือ 20% ของสินเชื่อคงค้าง หลังโควิดทำให้หนี้เสียย้อนกลับพุ่ง ขณะที่ ปีนี้ตั้งเป้าแก้หนี้ลดลง 5 พันล้านบาท เหลือ 8 พันล้านบาท จาก 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนสินเชื่อใหม่ตั้งเป้าโต 6 พันล้านบาท หรือขยายตัว 10%

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์)เปิดเผยว่า ในปีนี้ ธนาคารมีแผนเข้าไปแก้ไขปัญหาหนี้เสียให้ลดลงประมาณ 5 พันล้านบาท เหลือ 8 พันล้านบาท จากปัจจุบัน 1.3 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 20% ของยอดสินเชื่อคงค้าง 6.2 หมื่นล้านบาท โดยพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ 3-4 ราย ที่มีมูลหนี้จำนวนมาก หรือราว 50% ของหนี้เสีย ซึ่งเป็นหนี้ที่ตกค้างมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด

ทั้งนี้ ระดับหนี้เสียของธนาคารในปัจจุบันถือว่า ได้ปรับลดลงมาจำนวนมากแล้ว จากอดีตที่เคยอยู่ในระดับสูงราว 40-50% ของสินเชื่อคงค้าง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตัดขายหนี้เสียออกไปให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์จำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เกิดโควิด ลูกค้าประสบปัญหาธุรกิจ ทำให้กลายเป็นลูกหนี้ที่ตกชั้นมาเป็นหนี้เสียอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ระดับหนี้เสียในระดับ 2-3 ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับทรงตัว

“เรามีวิธีการจัดการกับหนี้เสีย โดยในส่วนรายใหญ่นั้น จะแก้ไขโดยกฎหมายที่เข้าไปฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ที่ผ่านมา ในช่วงที่เกิดโควิด จะแก้ไขยาก แต่นับจากนี้ สัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น เราก็เชื่อว่า จะแก้ไขได้มากขึ้น ส่วนเอสเอ็มอีนั้น ก็มีมาตรการภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนรายย่อยนั้น เราก็ใช้แนวทางการปรับโครงสร้างหนี้”

สำหรับเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ ตั้งเป้าที่ 6 พันล้านบาท หรือขยายตัวที่ 10% จากสินเชื่อคงค้าง โดยให้น้ำหนักที่ไปที่ลูกค้ารายใหญ่ หรือ 1 ใน 3 ของสินเชื่อปล่อยใหม่ เนื่องจาก เล็งเห็นการเติบโตที่สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ โดย 1 ใน 3 อย่างไรก็ดี ในส่วนเอสเอ็มอีและรายย่อยก็จะให้การสนับสนุนสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง สำหรับเงินฝากนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท หรือ มีฐานลูกค้าเงินฝากที่ 1 ล้านล้านราย

เขากล่าวด้วยว่า ทิศทางการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าในกลุ่มอิสลามยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยธนาคารจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะในแง่การลงทุน ซึ่งเราจะเข้าช่วยบริการจัดการการลงทุนของลูกค้า โดยเมื่อช่วงต้นปี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้อยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนรวมอิสลาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนมุสลิมว่าการลงทุนในกองทุนรวมที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวกับการประกันภัยหรือประกันตะกาฟุลในประเทศไทยก็ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากคปภ.ในการพัฒนาขอบเขตการให้บริการที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการตลาด นอกจากนี้ การฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบียยังเสริมสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับระบบการเงินอิสลามชั้นนำในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าสร้างกำไรอย่างยั่งยืนและเงินกองทุนเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยจากการศึกษาภาพรวมของตลาดการเงินอิสลามทั่วโลกในรายงานพัฒนาของระบบการเงินอิสลามในปี 65 ของ Refinitiv ผู้ให้บริการข้อมูลอิจฉริยะด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยงแถวหน้าของโลกพว่า ในปี 64 สินทรัพย์ของระบบการเงินอิสลามรวมทั่วโลกมีถึง 137 ล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์ 17% และมีจำนวนสถาบันที่ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินรวมกว่า 1.65 พันแห่งทั่วโลก