‘กูรู’ ฟันธงทองคำขาขึ้น ตีกราฟมีโอกาสสูงทำนิวไฮรอบใหม่

‘กูรู’ ฟันธงทองคำขาขึ้น ตีกราฟมีโอกาสสูงทำนิวไฮรอบใหม่

“กูรู” ฟันธงทองเป็น “ขาขึ้น” ด้าน “เสี่ยป๋อง” ตีกราฟมีโอกาสสูงทำนิวไฮรอบใหม่ สารพัดปัจจัยบวก “ดอลลาร์อ่อน-เศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ-น้ำมัน-สงคราม” หนุนราคาทองทะยาน !

ปัจจุบันราคา “ทองคำ” กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยสารพัดความกังวลทั้ง “ดอลลาร์อ่อนค่า - เศรษฐกิจถดถอย - วิกฤติแบงก์ - ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ - น้ำมัน - เงินเฟ้อ” ส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจในสินทรัพย์เสี่ยงโยกย้ายเม็ดเงินเข้ามาลงทุนใน “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven) มากขึ้น อย่างทองคำ จึงถือเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำในตลาดโลก และไทยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 ที่ผ่านมา ดีดตัวรุนแรงทะลุ 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ !! 

เช่นเดียวกับราคาทองคำในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น “ทุบสถิติสูงสุดใหม่” เป็นประวัติการณ์ผ่าน 32,450 บาทต่อบาททองคำ พุ่งกว่า 400 บาท ก่อนจะเริ่มมีแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ และอีกส่วนหนึ่งราคาทองตอบรับกับทิศทาง “เงินเฟ้อ” ที่อาจจะต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนพลังงานสูงขึ้นอีกครั้ง หลังทำสถิติปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน จากการลดกำลังการผลิตของ “กลุ่มโอเปกพลัส” (OPEC+) จำนวน 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปริมาณน้ำมันคงคลังสหรัฐที่ลดลง

สอดคล้องกับ “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำจะขึ้นอยู่บนความคาดหวังว่า “เงินเฟ้อ” จะหยุดขึ้นเมื่อไหร่ เนื่องจากเงินเฟ้อจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า “ผลตอบแทน” (รีเทิร์น) สินทรัพย์อื่นๆ อาจจะไม่ได้สูงขึ้นตามด้วย 

ดังนั้น นักลงทุนจะหันมาสนใจทองคำ เพราะว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่เงินเฟ้อสูง แต่หากเมื่อใดก็ตามที่ “เงินเฟ้อลดลง” หรือ “อยู่คงที่” และเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว เมื่อนั้นรีเทิร์นสินทรัพย์อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งแนวโน้มเป็นเช่นนั้น ความต้องการ (ดีมานด์) ทองคำของนักลงทุนก็จะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้นไป แต่หากเมื่อใดเงินเฟ้อลดเศรษฐกิจดี เมื่อนั้นก็ต้องมารอดูทิศทางของราคาทองคำอีกครั้ง 

“เสี่ยป๋อง - วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่สไตล์เทคนิค เจ้าของพอร์ตหลัก “พันล้านบาท” ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า มีมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำ ว่า ปัจจุบันเส้นกราฟทองคำเป็น “ขาขึ้น” มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสสูงมากจะไปทะลุ “จุดสูงสุดเดิม” ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโอกาสไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ !!  เนื่องจากเส้นกราฟทองคำพยายามผ่านแนวต้านสำคัญมา 3 ครั้ง แต่ยังผ่านไม่ได้แต่หากผ่านได้ราคาทองคำจะพุ่งทะยานต่อไปได้อีก 

“เส้นกราฟทองเป็นขาขึ้นมาสักพักแล้ว และทองมีโอกาสสูงมากๆ ที่จะทะลุไฮเดิมตอนปีโควิด-19 และหากทะลุได้ราคาทองคำมีโอกาสพุ่งไปแตะ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตราบใดที่สารพัดปัจจัยลบยังส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่แน่นอน” 

สำหรับการลงทุนในทองคำ ส่วนตัวทยอยซื้อทองเก็บมาอย่างต่อเนื่อง แม้มูลค่าพอร์ตทองคำจะอยู่แค่หลัก “สิบล้านบาท” ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับพอร์ตหุ้น แต่ส่วนตัวมองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ “ไม่เคยให้โทษมีแต่ให้คุณ” !! 

“ฐิภา นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) กล่าวว่า คาดการณ์เป้าหมายราคาทองคำครึ่งแรกปี 2566 แนวโน้มความเคลื่อนไหวราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือนเม.ย. หลังจากราคาทำจุดสูงสุดใหม่จากเดือนก่อนหน้า โดยมองแนวต้าน 2,057 -2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับ 1,990-1,963 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ปัจจัยบวกหลักๆ มาจากนักลงทุนเริ่มประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ และอาจจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งตามที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนผ่านข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group ที่บ่งชี้ว่านักลงทุน “เพิ่มน้ำหนัก” ต่อคาดการณ์ที่เฟดจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมในเดือนพ.ค.นี้ โดยให้น้ำหนักมากกว่า 50% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ทั้งในการประชุมเดือนพ.ค. และ มิ.ย.นี้ คาดการณ์ดังกล่าวยิ่งเพิ่มแรงบวกต่อราคาทองคำ

อีกประการหนึ่ง สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และจีนที่ “ย่ำแย่ลง” นับตั้งแต่ที่สหรัฐตรวจพบบอลลูนสอดแนมของทางการจีน และการแสดงออกของจีนต่อการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย อีกทั้งยังส่อแววที่จะยกระดับความตึงเครียดขึ้นไป จากกรณีที่ทางการสหรัฐเมินคำเตือนของทางการจีนในการพบปะกันระหว่าง “เควิน แมคคาร์ธี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และประธานาธิบดี “ไช่ อิงเหวิน” ผู้นำไต้หวัน 

นอกจากนั้น การที่ฟินแลนด์ถูกอนุมัติให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ท่ามกลางสมรภูมิรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงไม่สิ้นสุดลง นั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับรัสเซีย โดยรัสเซียประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเพิ่มความตึงเครียด ราคาทองจึงถูกคาดจะได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น จากการเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

“กลยุทธ์การลงทุนอาจพิจารณาเข้าเพื่อทำกำไรระยะสั้น หากยังสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าว เมื่อราคาปรับตัวขึ้นมาอาจพิจารณา แบ่งขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน”  

‘กูรู’ ฟันธงทองคำขาขึ้น ตีกราฟมีโอกาสสูงทำนิวไฮรอบใหม่

“กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท MTS GOLD แม่ทองสุก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำครึ่งปีแรก (เม.ย.- มิ.ย.) คาดภาพรวมราคาทองคำน่าจะเป็น “ขาขึ้น” ต่อเนื่องจากแรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดน่าจะหายไป ซึ่งคาดโอกาสเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยมีอยู่สูง หมายความว่าเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งเป็น “ปัจจัยบวก” ต่อราคาทองในทิศทางขาขึ้น

ปัจจัยที่ 2 ที่เกื้อหนุนราคาทองคือ Dollar Index อ่อนค่าลง โดยจะเห็นว่าดอลลาร์ปรับตัวลดลง จาก 104 มาที่ 103 , 102 และ 101 ตามลำดับ นั่นหมายความการปรับลงทุกๆ 1 Point ของ Dollar Index มีโอกาสจะทำให้ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้น และปัจจัยสุดท้าย คือ การเห็น Bond Yield ระยะกลาง และสั้นเริ่มปรับตัวลง การที่ Bond Yield เริ่มปรับตัวลงเป็นสัญญาณบ่งชี้โดยนัยโอกาสเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวาระต่อไปก็มีสูง 

อย่างไรก็ดี คงต้องรอ “ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ” หรือ CPI ที่จะประกาศผลในสัปดาห์นี้ หากข้อมูลดัชนีเงินเฟ้อชี้วัดตัวนี้ปรับตัวลงก็จะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ แต่หากปรับตัวสูงขึ้นอันเป็นผลจากราคาน้ำมันหรือด้วยเหตุใดก็จะกลายมาเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ

ดังนั้นช่วง 3 เดือนของช่วงไตรมาส 2 นี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มแย่ลงโอกาสเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยก็มีสูงขึ้นตาม นั่นหมายความว่าราคาทองจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยข้างต้นในทิศทางขาขึ้น

ดังนั้น เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านเทคนิค จะเห็นได้ว่า ปัจจัยทางด้านเทคนิคยืนยันว่าราคาทองคำเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้นทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ราคาทองคำยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางทั้ง Daily, Weekly และ Monthly Chart จึงสะท้อนว่า ในเชิง Technical ราคาทองคำมีโอกาสสูงที่ราคาทองคำจะขึ้นไปทดสอบ High เดิม บริเวณ 2,070 เหรียญ และมีโอกาสสูงที่จะทะลุ High เดิมขึ้นมา คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังราคาทองคำมีโอกาสอย่างมากที่จะทำ New High

อย่างไรก็ตาม ภาพหลักของราคาทองยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนอย่างมากในปีนี้ เพราะว่า เป็นปีที่เศรษฐกิจจะถูกกดดันจากผลพวงของการขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจถูกกดดันจะส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นโดยตรง เพราะมีคาดการณ์กันว่าผลประกอบการในตลาดหุ้นปีนี้น่าจะไม่ดีนัก โดยเฉพาะในกลุ่มของอสังหาริมทรัพย์

“การลงทุนทองคำในปีนี้น่าจะเป็นปีทองของทองคำ บางคนก็กล่าวว่าจะเป็น Premium Investment ในปีนี้ด้วยซ้ำ ขณะที่ทองไทยดูจะมีแนวรับ 32,100 บาท และมีแนวต้านที่ระดับ 32,600 บาท และมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำในปีนี้ไปถึง 33,000 บาท”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์