นักลงทุน 'เขย่าพอร์ต' ลดผันผวน โยกเงินพัก'กองทุนเทอมฟันด์’ 5 หมื่นล้าน

นักลงทุน 'เขย่าพอร์ต' ลดผันผวน โยกเงินพัก'กองทุนเทอมฟันด์’ 5 หมื่นล้าน

ระบบสถาบันการเงินของไทยยังคงมีเสถียรภาพ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐและยุโรปนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบทางตรงกับประเทศไทย จึงไม่เกิดเหตุการณ์แห่ถอนเงินฝากย้ายมาลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินเหมือนที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วง 2เดือนแรกปีนี้ มีเงินไหลออกจากองทุนรวมตลาดเงินราว 26,730 ล้านบาท แต่ยังถือเป็นระดับปกติ จากช่วงก่อนหน้ามีเงินไหลเข้าหลักหมื่นล้านบาทเช่นกัน จึงไม่มีนัยสำคัญที่นักลงทุนไทยตื่นตระหนกโยกเงินฝากเหมือนนักลงทุนในต่างประเทศแต่อย่างใด 

เป็นผลจากดอกเบี้ยเงินฝากของไทยยังขยับขึ้น แต่ในต่างประเทศไม่ได้ขยับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้น และปัญหาที่เกิดขึ้นกับแบงก์ในสหรัฐและยุโรป ไม่ส่งผลกระทบไทยโดยตรง ขณะที่ครึ่งแรกปี2565 เงินไหลออกจากกองทุนรวมตลาดเงินค่อนข้างมาก เพราะเฟดขยับขึ้นดอกเบี้ยแรง

มอร์นิ่งสตาร์

ประกอบกับขณะนี้ทิศทางดอกเบี้ยชะลอการปรับเพิ่มขึ้น แม้มีความผันผวนจาก ธปท.จะขยับขึ้นต่อหรือไม่ ส่งผลให้การลงทุนตลาดเงินในระยะสั้น สามารถล็อกผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงได้ง่ายกว่า ทำให้ช่วงที่ผ่านมา บลจ.ออกกองทุนใหม่หรือแนะนำการลงทุนให้ปรับพอร์ตพักเงิน ลดความความผันผวน เพิ่มผลตอบแทนในระยะสั้น และได้รับความนิยมของนักลงทุนไทย

อย่างไรก็ตามมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนเทอมฟันด์ และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยเฉพาะกองทุนเทอมฟันด์ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้าถึง 51,463 ล้านบาท ทั้งการลงทุนตราสารหนี้ไทยราว 31,427 ล้านบาทและตราสารหนี้ต่างประเทศ ราว 20,036 ล้านบาท   

รวมถึงมีเงินไหลเข้ากองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก ราว 12,469 ล้านบาท  ที่กลับมามีีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาวจากอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นมาสูง โดยต่างจากก่อนหน้านี้ที่เป็นเงินไหลออกต่อเนื่องทุกเดือนตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา

"จากดอกเบี้ยนโยบายคาดใกล้จุดสูงสุดแล้ว ทำให้กองทุนรวมตลาดเงินน่าจะกลับมามีผลตอบแทนในระดับสูง"   

ศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี  กล่าวว่า ภาพรวมกองทุนตลาดเงินในไทยไม่เห็นเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนรวมตลาดเงินอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับกองทุนตลาดเงินของ บลจ. กรุงศรี มีเม็ดเงินลงทุน (ทั้งเข้าและออก) รายวันระดับปกติบวกลบ 3% ของกองทุน คล้ายช่วงเวลาก่อนหน้า

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมี.ค.นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น มีข้อสังเกตว่า มีเงินไหลออกจากกลุ่มกองทุนตราสารหนี้เล็กน้อย จากการที่ลูกค้าโยกเงินไปลงทุนกองประเภท เทอมฟันด์  (term fund) เพื่อล็อคผลตอบแทนมากกว่า ตามความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้และการบริหารสภาพคล่องของลูกค้า 

ชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์  รองกรรมการผู้จัดการ สายจัดการลงทุน  บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า กองทุนตลาดเงินของบลจ.กสิกรไทย เม็ดเงินลงทุนยังค่อนข้างทรงตัว สำหรับกองทุนตราสารหนี้ไซด์กองทุนลดลงเล็กน้อย แต่มีเงินไหลเข้ามาในกองทุนเทอมฟันด์แทน 

ทั้งนี้เป็นผลจากที่นักลงทุนส่วนใหญ่ เน้นบริหารสภาพคล่อง ปรับพอร์ตโยกเงินลงทุน จากมันนี่มาร์เก็ตฟันด์ มาพักเงินในกองทุนเทอมฟันด์ เพื่อล็อกผลตอบแทนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนตราสารหนี้   อย่างเช่น ต้นเดือนมี.ค.ออกกองทุนเทอมฟันด์ อายุ 6 เดือน ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย คาดผลตอบแทน 1.4% ต่อปี 

นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เทรนด์การลงทุนในไทยตอนนี้ไม่เหมือนต่างประเทศ เงินกองทุนและการบริหารจัดการไม่ได้มีปัญหา อีกทั้งอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังของไทยไม่ได้สูงอยู่แล้ว โดยผลตอบแทนตั๋วเงินคลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.46% ขณะที่เงินฝากประจำธนาคาร 3 เดือนอยู่ที่ 0.75%

ส่วนฝั่งสหรัฐฯ​ ตั๋วเงินคลัง 3 เดือนให้ผลตอบแทน 4.85% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนอยู่ที่ 0.7% และดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปีอยู่ที่ 1.49% จึงทำให้เกิดการไหลออกของเงินฝากจากสถาบันการเงินไปยังกองทุนตลาดเงินดังกล่าวในช่วงสัปดาห์นี้