บลจ.อีสท์สปริง ชี้แบงก์ SVB ล้ม ไม่ซ้ำรอยวิกฤติ Lehman Brothers

บลจ.อีสท์สปริง ชี้แบงก์ SVB  ล้ม ไม่ซ้ำรอยวิกฤติ Lehman Brothers

บลจ.อีสท์สปริง ชี้วิกฤติแบงก์ SVB ล้ม ไม่ซ้ำรอยวิกฤติ Lehman Brothers หลัง รัฐบาลสหรัฐฯออกมาตรการเข้าช่วยผู้ฝากเงินใน SVB เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ฝากเงิน ไม่นำไปสู่ Domino Effect แต่สร้างความกังวลต่อตลาดหุ้นระยะสั้น จับตาประชุมเฟด 22 มี.ค.ชะลอเร่งขึ้นดอกเบี้ย

Silicon Valley  Bank (SVB) เป็นธนาคารใหญ่อันดับ 16 ของสหรัฐฯ ที่วางตำแหน่งตัวเองเป็นธนาคารเพื่อบริษัทเทคโนโลยี Start-Up และ Venture Capital ออกมาประกาศกับนักลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าธนาคารจำเป็นต้องขายพันธบัตรออกไปในราคาขาดทุนรวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์และจำเป็นต้องขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรักษาสภาพคล่อง จึงทำให้หุ้นร่วงลงกว่า 60 % ในทันทีพร้อมกับที่คนฝากเงินแห่กันถอนเงินออกจากความกังวลว่าธนาคารกำลังมีปัญหา 

อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้เข้าควบคุมกิจการในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังธนาคารมีแนวโน้มเกิด Bank Run อย่างรุนแรงและในเช้าวันนี้(13 มี.ค.) รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการเข้าช่วยผู้ฝากเงินในธนาคาร SVB พื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ฝากเงิน

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นักลงทุนในตลาดต่างตื่นตระหนกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจลุกลามไปเป็นเหมือนวิกฤติ Lehman Brothers ในปี 2561 แต่เรามีมุมมองต่อสถานกรณ์ดังกล่าวว่า หากพิจารณาการดำเนินธุรกิจแล้ว SVB ถือเป็นธนาคารที่ะมัดระวังการลงทุนค่อนข้างมาก 

โดยสินทรัพย์ที่นำงินฝากไปลงทุนส่วนใหญ่เป็น กลุ่มตราสารหนี้ พันธบัตร และตราสารที่มีสินทรัพย์ค่ำประกัน(mortgage-backed securities) ซึ่งแตกต่างจาก Lehman Brothers ที่นำเงินไปปล่อยกู้ให้กับสินเชื่อบ้านคุณภาพต่ำ (Subprime Mortgage) เกินตัว จนนำมาสู่การล้มละลายจากปัญหาคุณภาพสินรัพย์ไม่ดี

ล่าสุด จากการที่ทางการออกมาตรการข้าช่วยเหลือทันที อาจเรียกได้ว่า เหตุการณ์นี้ได้ปิดประตูผลกระทบที่จะเป็น Domino Effect ไปแล้วทันที

เรามีมุมมองการลงทุนต่อเหตุการณ์ดังกล่าวป็นการ บริหารสภาพคล่องที่ผิดพลาดเฉพาะตัวของบริษัท และจะไม่นำไปสู่ Domino Effect เหมือนที่เกิดขึ้นในปี 2561 ประกอบกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐ ที่พร้อมเข้าดูแลความเชื่อมั่นในทันที 

ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวอาจสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นได้บ้างในระยะสั้นได้บ้าง  แต่มองเป็นโอกาสเข้าลงทุนในระยะยาวรวม ถึงรอดูท่าที่ของเฟดว่าจะมีการดำเนินนโยบายอย่างไรในการประชุมวันที่ 22 มี.ค.นี้ ซึ่งล่าสุดทั้ง Bond Yield 2 ปี และ Terminal Rates ต่างปรับลดลงซึ่งสะท้อนการลดความ Hawkish ลงของเฟดในช่วงเวลานี้ ซึ่งอาจช่วยลดความตึงเครียดและความวิตกของนักลงทุนจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้