ชะตากรรมเอสวีบี ผลสะเทือนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ชะตากรรมเอสวีบี ผลสะเทือนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปเน้นปล่อยกู้สตาร์ตอัพ กลายเป็นธนาคารใหญ่สุดที่ล้มละลายนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2551 ส่งผลกระทบไปทั่วตลาด เมื่อบริษัทและนักลงทุนไม่สามารถนำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกจากธนาคารได้

Key points:

  • เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปเน้นปล่อยกู้สตาร์ตอัพ กลายเป็นธนาคารใหญ่สุดที่ล้มละลายนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2551 ส่งผลกระทบไปทั่วตลาด
  • การขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อปีที่ผ่านมาทำให้เงื่อนไขการเงินสำหรับสตาร์ตอัพตึงตัว ดูน่าจะเป็นปัจจัยหลัก
  • สำนักงานใหญ่ SVB และทุกสาขาจะเปิดให้บริการได้อีกครั้งในวันที่ 13 มี.ค. ผู้ฝากเงินที่ได้รับการค้ำประกันทุกคนจะเข้าถึงเงินฝากที่ค้ำประกันได้ทั้งหมดไม่เกินเช้าวันจันทร์ (13 มี.ค.)
  • แต่ 89% ของเงินฝาก 1.75 แสนล้านดอลลาร์ไม่ได้รับการค้ำประกัน  และยังไม่ทราบชะตากรรม

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เมื่อวันศุกร์ (10 มี.ค.) คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการเงินแคลิฟอร์เนียปิดธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ (เอสวีบี) แล้วแต่งตั้งบรรษัทค้ำประกันเงินฝากกลาง (เอฟดีไอซี) เป็นผู้รับโอนสินทรัพย์

เอสวีบี มีฐานปฏิบัติการในซานตาคลารา เป็นธนาคารใหญ่อันดับ 16 ของสหรัฐ เมื่อสิ้นปี 2565 มีิสินทรัพย์ราว 2.09 แสนล้านดอลลาร์ 

การล้มละลายกะทันหันของธนาคารเน้นภาคเทคโนโลยีแห่งนี้ยากจะชี้สาเหตุเฉพาะ แต่การขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อปีที่ผ่านมาทำให้เงื่อนไขการเงินสำหรับสตาร์ตอัพตึงตัว ดูน่าจะเป็นปัจจัยหลัก เนื่องจากเอสวีบีพยายามระดมทุนมาชดเชยการแห่ถอนเงิน ธนาคารขาดทุนในพันธบัตรรัฐบาล 1.8 พันล้านดอลลาร์ เมื่อมูลค่าพันธบัตรถูกถล่มจากการที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ความล้มเหลวของเอสวีบีถือว่าใหญ่สุดนับตั้งแต่วอชิงตันมิวชวลล้มละลายในปี 2551 เหตุการณ์สำคัญจุดชนวนวิกฤติการเงินที่ทำให้เศรษฐกิจบอบช้ำไปอีกหลายปี ความเสียหายในปีดังกล่าวกระตุ้นให้สหรัฐและประเทศอื่นๆ ออกระเบียบเข้มงวดขึ้น

นับตั้งแต่นั้น คณะกรรมการกำกับดูแลสหรัฐออกข้อกำหนดด้านเงินทุนเข้มงวดกว่าเดิม เพื่อสร้างหลักประกันว่าหากแบงก์ใดล้มจะไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจ

สำหรับเอสวีบี เอฟดีไอซีแถลงว่าสำนักงานใหญ่และทุกสาขาจะเปิดให้บริการได้อีกครั้งในวันที่ 13 มี.ค. ผู้ฝากเงินที่ได้รับการค้ำประกันทุกคนจะเข้าถึงเงินฝากที่ค้ำประกันได้ทั้งหมดไม่เกินเช้าวันจันทร์ (13 มี.ค.) แต่ 89% ของเงินฝาก 1.75 แสนล้านดอลลาร์ไม่ได้รับการค้ำประกันเมื่อสิ้นปี 2565 และยังไม่ทราบชะตากรรม

แหล่งข่าววงในเผยกับรอยเตอร์ว่า เมื่อสุดสัปดาห์เอฟดีไอซีเร่งหาธนาคารอื่นที่ปรารถนาจะควบรวมกับเอสวีบีด้วยหวังว่าจะควบรวมได้ภายในวันจันทร์เพื่อดูแลเงินฝากที่ไม่มีหลักประกัน แต่ถึงขณะที่มีรายงานข่าวก็ยังไม่ได้ข้อตกลง โฆษกเอฟดีไอซีไม่ได้ให้ความเห็นกับรอยเตอร์

หาคนซื้อสินทรัพย์

ด้านเอสวีบีไฟแนนเชียลบริษัทแม่ของเอสวีบีก็พยายามอีกทางหนึ่ง ด้วยการประสานงานกับวาณิชธนกิจเซ็นเตอร์วิว พาร์ตเนอร์ส และบริษัทกฎหมายซัลลิแวนแอนด์ครอมเวล หาคนมาซื้อสินทรัพย์อื่นๆ เช่น วาณิชธนกิจเอสวีบี ซีเคียวริตีส์, บริษัทบริหารความมั่งคั่งบอสตัน ไพรเวท และบริษัทวิจัยหุ้นมอฟเฟตต์ นาทานสัน สินทรัพย์เหล่านี้อาจดึงดูดใจคู่แข่งและบริษัทหุ้นนอกตลาดได้

รายงานข่าวจากรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์ ระบุ ยังไม่แน่ชัดว่าผู้ซื้อจะซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ได้โดยเอสวีบี ไฟแนนเชียลไม่ยื่นล้มละลายก่อนได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้ง” คาดว่า เอสวีบีไฟแนนเชียลต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายเพราะมีหนี้สินมาก
 

หลายบริษัท อาทิ ผู้ผลิตวีดิโอเกม Roblox Corp และผู้ผลิตเครื่องมือสตรีมมิง Roku Inc กล่าวว่า บริษัทมีเงินฝากหลายร้อยล้านดอลลาร์อยู่ในเอสวีบี เงินฝากส่วนใหญ่ของ Roku ไม่ได้รับการค้ำประกันส่งผลให้หุ้น Roku ราคาดิ่งลง 10% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

พนักงานบริษัทเทคโนโลยีที่รับเงินเดือนผ่านเอสวีบีก็กังวลว่าจะได้รับเงินเดือนหรือไม่ ธนาคารสาขาหนึ่งในซานฟรานซิสโกติดป้ายบนประตูแจ้งเบอร์โทรศัพท์ให้ลูกค้าติดต่อหากมีปัญหา

เกร็ก เบคเกอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เอสวีบี ไฟแนนเชียล ส่งสารผ่านวีดิโอไปยังพนักงาน 48 ชั่วโมงก่อนแบงก์ล้ม ยอมรับว่า “เป็นความยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ”

ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดกับเอสวีบีเน้นย้ำถึงการที่เฟดและธนาคารกลางชาติอื่นๆ ต่อสู้เงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้สร้างความเสี่ยงในตลาด ความกังวลกำลังเล่นงานภาคธนาคารอย่างมาก

จากการคำนวณของรอยเตอร์ ช่วงสองวันนับถึงวันศุกร์ มูลค่าตลาดของธนาคารสหรัฐหายไปกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ธนาคารยุโรปหายไปราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์

ด้านธนาคารเฟิร์สทรีพับลิกและธนาคารเวสเทิร์นอัลลิแอลนซ์ของสหรัฐ ต้องรีบออกมาแถลงเพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุนหลังราคาหุ้นร่วงว่า สภาพคล่องและเงินฝากยังแข็งแกร่ง

ธนาคารอื่นๆ เช่น คอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนีออกแถลงการณ์อย่างที่ไม่ค่อยทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเช่นกัน

ความเสียหายยังไม่จบแค่นี้

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ความเสียหายในภาคธนาคารจะมีมาอีก เมื่อความกังวลเรื่องความเสี่ยงที่ซุกซ่อนอยู่ในภาคธนาคารและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกระจายไปทั่ว

“สัปดาห์หน้าน่าจะเลือดอาบเพราะนักขายชอร์ต พวกเขาจะโจมตีธนาคารทุกแห่งโดยเฉพาะรายเล็ก” คริสโตเฟอร์ วาเลน ประธานวาเลนโกลบอลแอดไวเซอร์ให้ความเห็น

เมื่อวันศุกร์ กระทรวงการคลังสหรัฐแถลงว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพบกับคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารแล้ว และ “แสดงความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่” ในความสามารถจัดการกับสถานการณ์ 

ทำเนียบขาวกล่าวในทำนองเดียวกันว่าเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวคณะกรรมการกำกับดูแล

รอยเตอร์สรุปว่า ปฐมบทเอสวีบีล่มอยู่ที่บรรยากาศการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นเหตุให้การนำหุ้นออกขายต่อสาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ) ของสตาร์ตอัพหลายแห่งต้องหมดไป การระดมทุนนอกตลาดแพงขึ้น ลูกค้าเอสวีบีบางรายเริ่มถอนเงินออก และเพื่อหาเงินมาให้ลูกค้าเอสวีบีต้องขายตราสารหนี้ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรกระทรวงการคลังเมื่อวันพุธ (8 มี.ค.)และว่าธนาคารจะขายหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ 2.25 พันล้านดอลลาร์เพื่อมาปิดช่องโหว่เงินทุนที่หายไป

ภายในวันศุกร์เมื่อราคาหุ้นดิ่งเอาไม่อยู่ การระดมทุนจึงเป็นไปไม่ได้ แหล่งข่าวเผยว่า เอสวีบีพยายามมองหาทางเลือกอื่น เช่น ขายกิจการ จนกระทั่งคณะกรรมการกำกับดูแลเข้ามาจัดการปิดธนาคาร

ทั้งนี้ สถาบันการเงินที่ได้รับการค้ำประกันจากเอฟดีไอซีรายสุดท้ายที่ปิดตัวลงคืออัลเมนา สเตทแบงก์ ในเมืองแคนซัส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2563

ชะตากรรม‘ซิลเวอร์เกต’

สองวันก่อนเกิดเหตุกับเอสวีบี ซิลเวอร์เกต แคปิตอล ผู้ปล่อยสินเชื่อรายสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเปิดเผยเมื่อวันพุธ (8 มี.ค.) ว่า บริษัทจะยุติการดำเนินงานและขายสินทรัพย์ของธนาคารซิลเวอร์เกต แบงก์ (Silvergate Bank) เพื่อชำระหนี้ ซึ่งฉุดให้ราคาหุ้นซิลเวอร์เกต แคปิตอล ดิ่งลงกว่า 43% แล้วในการซื้อขายหลังตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กปิดทำการ

ซิลเวอร์เกต แบงก์ถือเป็น 1 ใน 2 ธนาคารหลักสำหรับบริษัทคริปโทฯ ร่วมกับซิกเนเจอร์ แบงก์ ซึ่งอยู่ในนิวยอร์ก  มีสินทรัพย์ประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับซิกเนเจอร์ที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1.14 แสนล้านดอลลาร์ โดยซิลเวอร์เกต แบงก์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่

“ซิลเวอร์เกตเชื่อว่าการระงับการดำเนินงาน และทำการชำระหนี้ถือเป็นหนทางที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในอุตสาหกรรมคริปโทฯ และการกำกับดูแลกฎระเบียบในช่วงนี้”แถลงการณ์ระบุ

ซิลเวอร์เกตเปิดเผยในแผนเลิกกิจการธนาคารและการชำระหนี้ว่า เงินฝากทั้งหมดจะถูกชำระคืนแบบเต็มจำนวนให้กับลูกค้าของธนาคาร

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การประกาศเรื่องการชำระหนี้ครั้งนี้มีขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ซิลเวอร์เกตประกาศระงับเครือข่ายการชำระเงินคริปโทฯ (Silvergate Exchange Network - SEN) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริการหลักของทางบริษัท

ภายใต้แผนปิดกิจการและชำระหนี้ดังกล่าวนั้น ซิลเวอร์เกตประกาศว่าจะให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเงินฝากทั้งหมดต่อไป ในขณะที่บริษัททยอยยุติการดำเนินงาน โดยหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะแจ้งให้ลูกค้าทราบในภายหลัง

สหรัฐเล็งตั้งกองทุนหนุนสภาพคล่อง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าววงในเมื่อวันเสาร์ (11 มี.ค.) ว่า เฟดและเอฟดีไอซีกำลังพิจารณาตั้งกองทุนเพื่อเปิดให้คณะกรรมการกำกับดูแลเพิ่มเงินฝากให้กับธนาคารที่กำลังมีปัญหาหลังเอสวีบีล้ม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสกัดความตื่นตระหนก