รัฐบาลสั่งคลัง”เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น”

รัฐบาลสั่งคลัง”เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น”

รัฐบาลสั่งคลัง”เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น” เผยเลขาครม.ส่งร่างกฎหมายกลับคืน เหตุสภาธุรกิจตลาดทุนคัดค้านหนัก “อาคม”แก้เก้อสั่งสศค.วิเคราะห์แนวทางจัดเก็บอีกรอบ

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า แนวทางการจัดเก็บภาษีขายหุ้นที่เสนอโดยกระทรวงการคลังต้องล้มพับไป เมื่อรัฐบาลส่งร่างกฎหมายการจัดเก็บภาษีดังกล่าวกลับมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาใหม่อีกรอบ หลังจากที่สภาธุรกิจตลาดทุนออกโรงคัดค้านอย่างหนัก ขณะที่ รัฐบาลเตรียมประกาศการยุบสภาในเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า สำนักงานเลขาคณะรัฐมนตรี(ครม.)​ได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่... พ.ศ...หรือการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์(ภาษีขายหุ้น)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมายังกระทรวงการคลัง เนื่องจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ส่งหนังสือคัดค้านการจัดเก็บภาษีหุ้น  ซึ่งอาจทำให้ต้องเลื่อนการประกาศบังคับใช้ภาษีขายหุ้นออกไปก่อน

"เมื่อเรื่องการจัดเก็บภาษีขายหุ้น ได้ถูกส่งกลับคืนมายังกระทรวงการคลังแล้ว ทางกระทรวงการคลังก็จะตั้งทีมงานเพื่อมาวิเคราะห์และนำข้อเสนอแนะของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยมาประกอบพิจารณาอีกครั้ง ส่วนจะทันประกาศใช้ภายในกลางปีนี้หรือไม่ ขณะนี้ ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องรอการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จก่อน"

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับแนวทางการจัดเก็บภาษีขายหุ้นนั้น ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้วเมื่อปลายเดือนพ.ย.2565 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีในอัตรา 0.11% ของมูลค่าการขายหุ้น โดยจะแบ่งการจัดเก็บเป็น 2 ช่วง ปีแรก จัดเก็บในอัตรา  0.055% ส่วนปีถัดไปจัดเก็บเต็มอัตรา 0.11%

ทั้งนี้ เมื่อครม.เห็นชอบแนวทางดังกล่าวแล้ว รัฐบาลจะนำส่งร่างกฎหมายการจัดเก็บภาษีดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมายภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อเดือนม.ค.2566 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจร่างเสร็จเรียบร้อย และส่งคืนมายังสำนักงานเลขาธิการครม.เพื่อเตรียมออกประกาศบังคับใช้กฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ดี สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้ทำหนังสือคัดค้านการจัดเก็บภาษีขายหุ้นมายังรัฐบาล ทำให้รัฐบาลต้องชะลอกระบวนการทางกฎหมายและส่งเรื่องกลับมายังกระทรวงการคลังในเมื่อปลายเดือนก.พ.2566 ที่ผ่านมา โดยให้นำข้อเสนอของสภาตลาดทุนไทยมาประกอบพิจารณาใหม่  ทำให้แผนการประกาศใช้ภาษีขายหุ้น ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจาก ต้องเริ่มขบวนการขั้นตอนใหม่อีกครั้งจากเดิมคาดว่า จะประกาศบังคับใช้ในเดือนพ.ค. 2566

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจาก เป็นช่วงใกล้ยุบสภา ทำให้รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจที่จะเสนอร่างกฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีขายหุ้น เนื่องจากมีความกังวลว่าจะกระทบต่อฐานเสียง เพราะเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง

ทั้งนี้ แนวคิดในการจัดเก็บภาษีขายภาษีหุ้นนั้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำการจัดเก็บภาษี เนื่องจากประเทศไทย ได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีขายหุ้นมานานกว่า 40 ปี  เพื่อส่งเสริมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในขณะนั้น แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทย ถือว่าเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) เพิ่มขึ้นถึง 22 เท่า ดังนั้น จึงเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องยกเว้นภาษีขายหุ้นอีกต่อไป โดยการเก็บภาษีดังกล่าว จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 1.6-1.8 หมื่นล้านบาท