'เงินบาท' เหวี่ยงหนัก ล่าสุดแข็งค่า 1.58%  แตะระดับ 34.66 ต่อดอลลาร์

'เงินบาท' เหวี่ยงหนัก ล่าสุดแข็งค่า 1.58%  แตะระดับ 34.66 ต่อดอลลาร์

‘เงินบาท’ ยังเหวี่ยงแรง ล่าสุดพลิกแข็งค่ากว่า 1.58% แตะระดับ 34.66 บาท หรือแข็งค่าขึ้นราว 0.55 บาทภายในวันเดียว นักวิเคราะห์ชี้ผลจากดอลลาร์อ่อน เศรษฐกิจจีนแกร่งเกินคาด หนุนส่งออกอาจไม่ได้แย่กว่าที่คิด

เงินบาทยังคงเป็นสกุลเงินที่เหวี่ยงแรงกว่าสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ล่าสุดวันนี้(1มี.ค.) เงินบาทกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดย ณ เวลา 19.45 น. เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้าราว 0.55 บาท หรือ 1.58% 

บาทแข็งค่า

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทช่วงนี้เคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางดอลลาร์ และปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้มองว่าการส่งออกปีนี้อาจไม่แย่อย่างที่เคยคาดการณ์เอาไว้ และอาจจะมีแรงเก็งกำไรค่าเงินบาทเข้ามาในช่วงก่อนการเลือกตั้งได้

ฤดูกาลจ่ายปันผล

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาท เชื่อว่า เป็นเพียงระยะสั้น เพราะบริษัทญี่ปุ่นในไทยก็ต้องมีการโอนเงินปันผลไปให้กับบริษัทแม่ในช่วงเดือนมี.ค. และหลังจากนั้นในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2566 จะเป็นฤดูที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะต้องจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นต่างชาติ 

โดยประมาณบจ.มีการจ่ายปันผลในช่วง 2-3 เดือนนี้ไว้ราว 71,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 จ่ายเงินปันผลใช้เม็ดเงินในภาพรวมกว่า 90,000 ล้านบาท อาจเป็นสาเหตุทำให้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ซึ่งทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าได้ โดยมองกรอบเงินบาทระยะสั้นไว้ที่แนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ และแนวต้าน36.00 บาทต่อดอลลาร์

นายกอบสิทธิ์ กล่าวว่า เงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงนี้ มองว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและรัดกุมอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ประกอบการที่น่าเป็นห่วง ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจรายย่อยหรือธุรกิจเถ้าแก่ เน้นการทำสปอตค่าเงินเพื่อการเก็งกำไรอย่างเดียว แนะนำว่า แม้ช่วงเงินบาทผันผวนการทำออปชั่นอาจจะแพงไม่คุ้ม ควรเน้นการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและราคายอดขายยังทำให้ธุรกิจมีกำไรหรือไม่ พร้อมกับบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเป็นระยะๆ อย่างนิ่งนอนใจ