ได้เวลา Refresh เป้าหมายการเงิน และให้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

ได้เวลา Refresh เป้าหมายการเงิน และให้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

 ช่วงที่ผ่านมา หลายคนอาจมีทริปท่องเที่ยวมากมายเพื่อชดเชยช่วง COVID ได้เข้าร่วมงานแต่งที่ถูกเลื่อนมา และกลับมาพบปะกับเพื่อนเหมือนที่เคยเป็น เรียกว่า ชีวิตเราเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ประกอบกับเราเพิ่งผ่านช่วงปีใหม่มาไม่นาน จึงถือเป็นโอกาสดีที่เราจะ Refresh เป้าหมายทางการเงินกันอีกครั้ง

แต่การจะทำได้ตามเป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เพราะหลายครั้งชีวิตที่วุ่นวายหรือสิ่งรบกวนต่างๆ รอบตัวอาจทำให้เราหลุดโฟกัสจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ และด้วยธรรมชาติของมนุษย์ที่แม้จะรู้ว่าสิ่งไหนดีกับเรา แต่เรามักเลือกที่จะไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ (Akrasia) โดยเรื่องนี้นักปรัชญาชาวกรีกอย่าง Plato ก็เคยตั้งคำถามไว้เช่นกัน

ดังนั้น เราจะทำได้ตามแผนและใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการไปพร้อมๆ กันได้อย่างไร มาทำความเข้าใจหลักการตั้งเป้าหมายทางการเงิน และลองดูว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้คุณลงทุนและทำตามแผนแบบอัตโนมัติได้ง่ายยิ่งขึ้นอย่างไรได้บ้าง

 ก่อนเราจะมาเริ่มตั้งเป้าหมายทางการเงิน มี 3 เรื่องที่เราต้องเตรียมพร้อมก่อนคือ

1. ตั้งงบการใช้จ่ายในแต่ละเดือน อาจใช้วิธีง่ายๆ อย่าง สูตรการเงิน 50/30/20 โดยแบ่งรายได้ราว 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น อีก 30% สำหรับการใช้จ่ายเพื่อความสุข และอีก 20% สำหรับการออม-ลงทุน ซึ่งคุณสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงของคุณได้

2. จัดการหนี้ โดยเฉพาะหนี้ดอกเบี้ยสูงอย่างบัตรเครดิตที่อาจกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ได้ หากเราไม่ได้จ่ายเต็มจำนวน นอกจากนี้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น คุณอาจหาโอกาส Refinance สินเชื่อบ้าน เพื่อหาเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม

 3. การเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน เพื่อรับมือเรื่องไม่คาดฝันโดยเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และควรเก็บเงินนี้ในบัญชีที่สามารถถอนได้ในเวลาที่ต้องการ เช่น เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง กองทุนรวมตลาดเงิน หรือใน Flexible Portfolio โดยลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น (1-3 เดือน) ที่ปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนสูงราว 4.5% ต่อปี

เมื่อเตรียมตัวด้านการเงินแล้ว ก็เข้าสู่การตั้งเป้าหมายทางการเงินสำหรับสิ่งที่สำคัญในชีวิต โดยเราสามารถออกแบบจาก ‘ระยะเวลาของเป้าหมาย’ ได้แก่  

เป้าหมายระยะสั้น 1-3 ปี    เช่น การเตรียมเงินดาวน์บ้านในปีหน้า วางแผนแต่งงานในอีก 2 ปี เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้ควรเก็บเงินในบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง หรือแบ่งเงินลงทุนในพอร์ตที่มีสภาพคล่องสูงและมีระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงนัก เพื่อลดผลกระทบจากความความผันผวนระยะสั้นเมื่อคุณต้องนำเงินออกมาใช้

เป้าหมายระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป เช่น แผนการศึกษาลูกในอีก 15 ปี แผนเกษียณในอีก 30 ปี เป็นต้น ด้วยระยะเวลาที่ยาวกว่าคุณสามารถเลือกระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นได้ โดยแนะนำว่าคุณควรแบ่งเงินลงทุนในพอร์ตที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาวและให้เงินของคุณทำงานได้อย่างเต็มที่

จากนั้นมาถึงส่วนสำคัญอย่าง การทำตามแผนอย่างมีวินัย ผ่านการลงทุนในทุกๆ เดือน หรือ Dollar-Cost Average (DCA) นอกจากจะช่วยสร้างวินัยที่สำคัญกับการลงทุนระยะยาวแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวในภาวะตลาดใดภาวะหนึ่ง อย่างการเข้าซื้อ ‘ผิดจังหวะ’ ด้วยเงินก้อนใหญ่ที่อาจทำให้คุณขาดทุนสูงได้

เราต่างรู้ดีว่าการจะทำได้ตามแผนอย่างมีวินัยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคุณอาจเจอเรื่องติดขัดจากสิ่งรบกวนต่างๆ ทั้งภายนอกและอารมณ์ภายในจิตใจของเรา ซึ่งเราอาจใช้ 4 เทคโนโลยีนี้มาช่วยแก้ปัญหาได้

อย่างแรก ตัวช่วยวางแผนการเงินแบบอัตโนมัติอย่าง Goal-based Investing เพียงคุณเลือกเป้าหมายและระยะเวลาที่ต้องการ ระบบจะแนะนำพอร์ตตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะกับเป้าหมาย ช่วยออกแบบแผนการลงทุนรายเดือน รวมทั้งคอยแนะนำระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมตลอดเส้นทางการลงทุน

ต่อมาเทคโนโลยีบริหารพอร์ตอย่าง ERAA™ ที่จะคอยวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล เพื่อดูแลและปรับพอร์ตของคุณให้เหมาะกับทุกภาวะเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ขณะเดียวกันจะรักษาระดับความเสี่ยงตามที่คุณกำหนดไว้ ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาติดตามภาวะตลาดทั่วโลกตลอด 24 ชม.

นอกจากนี้ ราคาหลักทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวทุกวันอาจทำให้พอร์ตขาดสมดุลและไม่ตรงกับที่ออกแบบไว้ ดังนั้นระบบ Rebalancing จะคอยตรวจสอบและ Re-balance พอร์ตของคุณให้สมดุลอยู่เสมอ โดยจะช่วยรักษา Asset Allocation ตามที่กำหนดไว้ ทำให้คุณไม่ต้องมานั่งปรับพอร์ตเองบ่อยๆ

และหากคุณกังวลเรื่อง ‘การทำไม่ได้ตามแผน’ สามารถใช้การ ‘ตั้งค่าโอนเงินลงทุนอัตโนมัติ’ เพื่อ DCA ในทุกๆ เดือน ซึ่งเป็นการรักษาวินัยและช่วยให้คุณหลบเลี่ยงจาก Distraction ที่เกิดขึ้น รวมถึงเอาอารมณ์ออกจากการตัดสินใจลงทุนในทุกๆ เดือน

เทคโนโลยีทั้ง 4 นี้จะช่วยจัดการทุกความซับซ้อนแทนคุณ และช่วยให้คุณทำตามแผนที่วางไว้โดยอัตโนมัติ ทำให้คุณมีเวลาใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดเป้าหมายที่วางไว้

 ชีวิตเรากลับมาเป็นปกติกันอีกครั้ง ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะ Refresh เป้าหมายสำคัญต่างๆ ในชีวิตแล้วมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้นจริงอย่างที่ตั้งใจ