แบงก์รัฐแห่ขึ้นดอกกู้ยันไม่กระทบเงินงวด

แบงก์รัฐแห่ขึ้นดอกกู้ยันไม่กระทบเงินงวด

แบงก์รัฐแห่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หลังกนง.ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยปรับขึ้นสูงสุด 0.25% ด้านธอส.ยันไม่กระทบต่อเงินงวดในการชำระหนี้ ชี้เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกรอบ 2 ปี 9 เดือน

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า ที่ประชุมสถาบันการเงินของรัฐ มีมติให้ธนาคารรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ได้ โดยเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค.66 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาดและการที่ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพิ่งมีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี เป็น 1.50% เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน  อย่างไรก็ตาม แบงก์รัฐมีการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้ง ยังดูแลไม่ให้กระทบต่อเงินงวดของลูกค้าส่วนใหญ่ 

สำหรับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 9 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.66 เป็นต้นไป ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) ขึ้นจาก 6.15% ต่อปี เป็น 6.40% ต่อปี ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (เอ็มแอลอาร์) ขึ้นจาก 5.75% เป็น 6.00%  และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (เอ็มโออาร์) ขึ้นจาก 5.90% เป็น 6.15% ต่อปี

โดยธอส.ยืนยันว่าการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้ จะไม่ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องผ่อนชำระเงินงวดเพิ่มขึ้นเนื่องจาก ธนาคารได้คำนวณเงินงวดเผื่อการขึ้นดอกเบี้ยไว้แล้ว 

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ตามมติสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.66 เป็นต้นไป ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ไพรม์เรท ปรับเพิ่มจาก 5.75% เป็น 6.00%  แต่ก็ยังถือเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาด

ด้านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ได้มีการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ หรือเอ็มแอลอาร์อีก 0.25% มีผลตั้งแต่ 25 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เอ็มแอลอาร์ปรับขึ้นจาก 6.75% เป็น 7.00% ต่อปี ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ชนิดอื่นยังคงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง 

ขณะที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125-0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.66 เป็นต้นไป ส่งผลให้ดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ เพิ่ม 0.125% จาก 6.5% เป็น6.625% ดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์เพิ่ม 0.25% จาก 4.875% เป็น 5.125% และดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชีหรือเอ็มโออาร์ เพิ่ม 0.25% จาก 6.25% เป็น 6.50%

ส่วนธนาคารออมสิน ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี มีผลวันที่ 27 ม.ค.นี้เป็นต้นไป โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางของสมาคมสถานบันการเงินเฉพาะกิจแห่งรัฐ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยของออมสิน โดยเฉลี่ยยังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ย MRR ในตลาด