YLG ชี้ตลาดทองคำไตรมาส 1/65 สดใส หลังจีนเปิดประเทศ - ธนาคารกลางตุนต่อเนื่อง

YLG ชี้ตลาดทองคำไตรมาส 1/65 สดใส หลังจีนเปิดประเทศ - ธนาคารกลางตุนต่อเนื่อง

วายแอลจี ชี้ตลาดทองคำไตรมาส 1 ปีนี้สดใสกว่า 2 ปีก่อน เหตุจีนเปิดประเทศหนุนดีมานด์ และธนาคารกลางตุนต่อเนื่อง มองเป้าปีนี้มีโอกาสแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 31,000 บาท แต่ระหว่างปีมีแรงขายทำกำไร ขณะที่บาทแข็งยังฉุดทองในประเทศไม่หวือหวา

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)  เปิดเผยว่า ตั้งต้นปีราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 6% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากแรงซื้อจากจีนที่ฟื้นตัวรับการเปิดประเทศหนุนเงินหยวนที่แข็งค่ากดดันดอลลาร์  บวกกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

 

จึงมองว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงต้นปีจะยังคงเป็นขาขึ้นเกือบตลอด ทั้งไตรมาส 1 นอกจากนี้เทศกาลตรุษจีนในช่วงที่ผ่าน ก็ส่งผลให้ตลาดทองคำคึกคักเช่นกัน ดังนั้นในระยะสั้นวายแอลจีจึงมองเป้าหมายราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 30,500 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้น แถวๆ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นได้ตามเป้าที่มองไว้ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

แต่ถ้าต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ  1,650 - 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ กรอบแนวรับ 25,500 - 26,400  บาทต่อบาททองคำ ซึ่งแนวรับนี้เป็นกรอบของทั้งปี

"มองว่าไตรมาสแรกทองคำจะทะยานขึ้นไป แต่หลังจากนั้นก็มีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไร รวมถึงครึ่งปีแรกแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยลง แต่ก็อาจจะสร้างแรงกดดันเป็นระยะๆ ราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับฐานได้ ดังนั้นมองว่าราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นในไตรมาสแรก และจะเป็นขาขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี ที่อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ขาขึ้นอีกต่อไปเพราะเริ่มได้รับแรงกดดันจากข่าวภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลบวกต่อทองคำ" 

YLG ชี้ตลาดทองคำไตรมาส 1/65 สดใส หลังจีนเปิดประเทศ - ธนาคารกลางตุนต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดีทองคำในปีนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของธนาคารกลางหลายประเทศที่เริ่มสะสมทองคำตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2565  ทำให้การมีทองคำในพอร์ตก็ถือเป็นเรื่องที่ดี โดยพอร์ตลงทุนที่ดีควรมีทองคำ 5-10% เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ทองคำได้พิสูจน์ให้เห็นว่ายังทรงตัวในระดับสูง แม้จะมีบางช่วงที่ราคาปรับฐาน แต่ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น 

ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นมองว่าราคาในปีนี้จะไม่ปรับขึ้นอย่างหวือหวาเพราะค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดีนักลงทุนสามารถปิดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินได้ด้วยการลงทุนทองคำผ่านตลาด ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทั้งการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ  ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท 

นอกจากนี้วายแอลจียังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน ทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หุ้น ไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทุกรูปแบบ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์