คลังเผยหนี้ ”บัตรเครดิต - ส่วนบุคคล” ลงทะเบียนขอรัฐช่วยแก้ไขหนี้มากสุด75%

คลังเผยหนี้ ”บัตรเครดิต - ส่วนบุคคล” ลงทะเบียนขอรัฐช่วยแก้ไขหนี้มากสุด75%

คลังเผย พบยอดลงทะเบียนขอแก้หนี้ออนไลน์กว่า 1.7 แสนราย รายการหนี้สะสมกว่า 3.8 รายการ เป็นลูกหนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากสุด 35% ขณะที่ ประเภทสินเชื่อที่มีการลงทะเบียนสูงสุดคือ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล 75% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 6% และจำนำทะเบียนรถ 4%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่านอกเหนือจากการจัดงานมหกรรมแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนผ่านรูปแบบการสัญจรไปยังทั่วประเทศแล้ว กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ยังได้จัดให้มีการลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออนไลน์นี้ครอบคลุมสินเชื่อทุกประเภท เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น และเป็นการรวบรวมเจ้าหนี้ไว้มากที่สุด รวมทั้ง ครอบคลุมประเภทสินเชื่อมากที่สุด

โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์มากกว่า 170,000 ราย คิดเป็นจำนวนรายการสะสมมากกว่า 380,000 รายการ ประกอบด้วย ลูกหนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 35% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19% ภาคกลาง 12% และภาคอื่นๆ 34%  ของลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด และประเภทสินเชื่อที่มีการลงทะเบียนสูงสุดคือ บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 75% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 6% และจำนำทะเบียนรถ 4%

เขายังกล่าวถึงการจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 16 – 18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากประชาชน และผู้ประกอบการอย่างหนาแน่นเช่นเดียวกับการจัดงานทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยมีจำนวนรายการที่ขอรับบริการภายในงานมากกว่า 4,500 รายการ

การจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาถึงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ และมั่นคงต่อการดำรงชีพ โดยงานมหกรรมครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้สินได้อย่างครอบคลุม และตรงจุด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาวต่อไป

ผลของการจัดงานมหกรรมประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และได้รับความสนใจจากประชาชน และผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยมีจำนวนรายการที่ขอรับบริการภายในงานมากกว่า 4,500 รายการประกอบด้วย การขอแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิม จำนวนมากที่สุดกว่า 1,600 รายการ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากงานมหกรรม ครั้งที่ 3 ได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์มาร่วมออกบูธเพิ่มเติมด้วย

ดังนั้น ในครั้งต่อๆ ไปจะมีธนาคารพาณิชย์มาร่วมออกบูธภายในงานด้วยเช่นกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินภายในงานครอบคลุมความต้องการของประชาชน และผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น รองลงมาคือ การขอรับคำปรึกษาด้านการเงิน และแนวทางในการประกอบอาชีพกว่า 1,200 รายการ การขอสินเชื่อเพิ่มเติมกว่า 600 รายการ และการเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อส่งเสริมการออม การตรวจข้อมูลเครดิตโดยบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด การจำหน่ายทรัพย์ NPA จากทั้งสถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน เป็นต้น ประมาณ 1,100 รายการ

ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนทำได้ต่อเนื่อง และครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจึงมีแผนที่จะจัดงานครั้งต่อๆ ไป อีก 2 ครั้ง ในภาคตะวันออก และภาคใต้ ดังนี้

ครั้งที่ 4 จังหวัดชลบุรี   วันที่ 20 – 22 มกราคม 2566 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน

ครั้งที่ 5 จังหวัดสงขลา วันที่ 27 – 29 มกราคม 2566  ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเชิญชวนประชาชนหรือผู้ประกอบการที่สนใจให้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ได้ทั้งระบบออนไลน์ หรือเข้าร่วมงานมหกรรมสัญจรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 ครั้ง ในเดือนมกราคม 2566 โดยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี วันที่ 20 – 22 มกราคม 2565 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน หรือสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากสาขาของสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศได้เช่นกัน

ดังนั้น ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานมหกรรมสัญจรได้ทางเว็บไซต์ https://ln15.gsb.or.th/WEB-DEBT  หรือแจ้งความประสงค์เข้าร่วมงานได้ที่หน้างานมหกรรม และสามารถลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม2566 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/DebtFair 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์