สรรพากรชี้ธุรกิจค้าปลีก-โลจิสติกส์ดาวรุ่งจัดเก็บปี66

สรรพากรชี้ธุรกิจค้าปลีก-โลจิสติกส์ดาวรุ่งจัดเก็บปี66

กรมสรรพากรชี้ในปีหน้าภาคธุรกิจค้าปลีกและโลจิสติกส์ ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับกรมฯ โดยทั้งปีคาดการจัดเก็บรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยอาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยและการจัดเก็บรายได้

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า หลังการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ภาคธุรกิจมีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกและโลจิสติกส์ที่ถือเป็นดาวรุ่งในปีนี้ และจะต่อเนื่องไปในปีหน้า ฉะนั้น กรมฯ คาดว่าในปีงบประมาณ 2566 ที่กรมฯ ได้รับมอบเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ที่ 2.2 ล้านล้านบาท น่าจะเป็นสามารถทำได้ตามเป้าหมายนี้

สำหรับยอดการจัดเก็บรายได้ในสองเดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 คือ ช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2565 กรมฯ ยังสามารถจัดเก็บได้เกินกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องเศรษฐกิจโลกที่อาจจะถดถอย ซึ่งเราก็ไม่ประมาท โดยในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจยังไม่มีความผันผวนมาก เราก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อจัดเก็บรายได้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมฯได้นำระบบ Big Data และ AI มาใช้ในการบริหารจัดเก็บภาษี ซึ่งการพัฒนาระบบ AI เพื่อตรวจสอบการหลบเลี่ยงภาษีนั้น กรมฯดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้มันฉลาดขึ้นทุกวัน

เขายังกล่าวถึงรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการนำเข้าน้ำมันว่า รายได้จากภาษีน้ำมันในปีหน้าอาจไม่สูงเท่ากับปีที่แล้ว เพราะคาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงกว่าปีนี้ โดยคาดว่าจะอยู่แถวๆ 90 เหรียญต่อบาร์เรล จากปกติที่เคยอยู่ที่ 100 เหรียญ ทั้งนี้ เมื่อราคาน้ำมันดิบนำเข้าลดต่ำลงรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บ บนมูลค่าน้ำมันดิบนำเข้า ก็ลดตามไปด้วย

สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 หรือในเดือนต.ค.ที่ผ่านมานี้กระทรวงการคลังรายงานว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิจำนวน 2.32 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 3.36 หมื่นล้านบาท หรือ 16.9% และสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ 19.5%

โดยการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ที่จัดเก็บภาษีในเดือนต.ค.ได้ 1.35 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาสูงกว่าประมาณการตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ รายได้ของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากรสูงกว่าประมาณการ เนื่องจากมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนเข้าเป็นรายได้แผ่นดินและมีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี

อย่างไรก็ดีการ จัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจาก มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ หากไม่นับรวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากรผลการจดัเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 1.16 หมื่นล้านบาท หรือ 5.9% และสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 8.2%

สำหรับในปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลตั้งเป้าหมายการจัดเก็บรายได้สุทธิที่ 2.49 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อนหน้า 9 หมื่นล้านบาท หรือสูงกว่าปีงบประมาณก่อนหน้า 3.75%