KBANK รุกปล่อยกู้รายเล็ก 9 เดือน 2.3 หมื่นล้านบาท เข้าถึงผู้กู้กว่า 5 แสนคน

KBANK รุกปล่อยกู้รายเล็ก 9 เดือน 2.3 หมื่นล้านบาท เข้าถึงผู้กู้กว่า 5 แสนคน

กสิกรไทย อนุมัติเงินกู้ให้ลูกค้ารายเล็กกว่า 500,000 ราย พิจารณาโดยใช้เทคโนโลยี ไม่ต้องมีเอกสารยืนยันรายได้ หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย และวิธีการแบบใหม่ๆ ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ อนุมัติเงินกู้แล้ว 23,000 ล้านบาท

      ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ประกาศว่า ได้ขยายการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็ก รวมวงเงินมากกว่า 23,000 ล้านบาท ให้กับผู้คนมากกว่า 500,000 คน ที่เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ โดยเป็นการอนุมัติในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ นับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2565 บรรลุภารกิจข้างต้น รวมถึงยกระดับการให้บริการลูกค้าปัจจุบันของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย 
 

       นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เราอยากจะช่วยคนนับล้านๆ ให้เข้าถึง และได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคารได้

       เราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และใช้เทคโนโลยีเพื่อที่จะสามารถบรรลุภารกิจข้างต้น รวมถึงยกระดับการให้บริการลูกค้าปัจจุบันของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย
 

        นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าขยายโอกาสการเข้าถึง และได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทยที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ไปสู่ผู้คนเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นถึง 1 ล้านคน ภายใน 18 เดือน และในอีก 24 เดือน จะขยายเป็นราวๆ 2 ล้านคน”  

      การเดินหน้าดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทย ที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่มุ่งขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคาร ให้กับคนไทยจำนวนกว่า 30 ล้านคน ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้วแต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ
       ซึ่งนี่คือ สิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยเรียกว่าเป้าหมายการผสานเอาความเป็น ‘ชาเลนเจอร์แบงก์’ เข้ามาในองค์กร โดยโครงการนี้ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัย และวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ของธนาคาร เอามาช่วยผู้คนที่ทำงานอาชีพอิสระ เกษตรกร และเจ้าของกิจการขนาดเล็กๆ ผู้ที่อาจจะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรืออาจจะมีไม่เพียงพอ ให้สามารถขอเงินกู้ได้

      โดยใช้การประเมินที่เป็นธรรมมากขึ้นจากการพิจารณาที่ความสามารถ และความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้ของผู้กู้ 

      นายกฤษณ์ กล่าวว่า ในกลุ่มที่ได้รับเงินกู้นี้ มีประมาณ 63,000 ราย เป็นเจ้าของกิจการที่มีรายได้น้อยกว่า 2.5 ล้านบาทต่อปี กู้ผ่านโครงการ ‘สินเชื่อเงินด่วนเพื่อธุรกิจ’ ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน วงเงินกู้รวม เกือบ 5,000 ล้านบาท 

      นอกจากนั้น เป็นบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน จำนวนประมาณ 215,000 ราย ได้รับเงินกู้สูงสุดถึง 20,000 บาทต่อราย ผ่านโครงการ ‘K PAY LATER’ ของธนาคารกสิกรไทย 

     “เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เงินกู้จากโครงการ K PAY LATER ถูกนำไปใช้ในการซื้อของใช้ประจำวันที่จำเป็น เนื่องจากพบว่าส่วนใหญ่เป็นการนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ขายของใช้จำเป็น เช่น พันธมิตรของเรา อาทิ บิ๊กซี โลตัส ซี​ เจ​ เอ็กซ์​เพรส ปตท. เซ็นทรัล และ แม็คโคร​” 

      “มากกว่านั้น เมื่อเราเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงระบบธนาคาร และได้เห็นว่าผู้กู้มีความรับผิดชอบในการชำระคืนเงินกู้เป็นอย่างดี เราก็จะเพิ่มวงเงินกู้ให้คนกลุ่มนี้ และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติมให้กับหลายๆ คนในกลุ่มนี้ได้อีกด้วย” นายกฤษณ์ กล่าว 

      นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า จำนวนการทำธุรกรรมผ่าน K PAY LATER ก็เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน คือ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายนของปีนี้  

      ธนาคารกสิกรไทย กำลังเดินหน้าการลงทุนต่างๆ ในเรื่องเทคโนโลยี ด้วยงบลงทุนประมาณ 22,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้ และในช่วง 2 ปีข้างหน้า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์