6 Keys Takeaway โลก ‘คริปโท’ ปี 2026 สรุปจากงาน Binance Blockchain Week 2025

6 Keys Takeaway โลก ‘คริปโท’ ปี 2569 สรุปจากงาน Binance Blockchain Week 2025 เมื่อ AI กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนโลกการเงิน และการใช้งาน 'สเตเบิลคอยน์' ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนำมาสู่บทต่อไป stablecoin 2.0
ถอดรหัสอนาคตของคริปโทเคอร์เรนซีในงาน Binance Blockchain Week 2025 ถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากเทคโนโลยีชายขอบสู่การเป็นแกนหลักทางการเงิน นี่คือ 6 บทสรุปสำคัญที่บ่งชี้ทิศทางของโลกดิจิทัลในปี 2569
AI จุดเปลี่ยนโลกการเงิน
ปี 2025 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับโลกของตลาดการเงอน และความเชื่อมมั่นในโลกดิจิทัล โดยเปรียบเทียบวิวัฒนาการของคริปโทที่แสดงให้เห็นว่ามันได้เปลี่ยนจาก "กระแสการเคลื่อนย้ายเงินที่กระจัดกระจาย" ไปสู่การ "ถ่ายโอนมูลค่าทั่วโลกแบบไร้พรมแดน" ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน และสกุลเงินดิจิทัล
“ริชาร์ด เทง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีอย่าง “ไบแนนซ์" มองว่าบล็อกเชน (Blockchain) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็น 2 เทคโนโลยีที่ทรงพลังและกำลังเป็นรากฐานสำคัญซึ่งจะทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดอนาคตในด้านการเงิน
กฎระเบียบตัวเร่ง ‘คริปโท’
แรงผลักดันที่ไม่อาจปฏิเสธได้ที่อยู่เบื้องหลังสินทรัพย์ดิจิทัล คือ “กฎระเบียบที่ชัดเจน” ในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมสู่การเติบโตของตลาด จากการมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้กำลังเร่งให้เกิดการยอมรับในโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้จะมีความผันผวน แต่ริชาร์ดมองว่าความชัดเจนด้านกฎระเบียบ และการเข้ามาของสถาบันทางการเงินที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ว่า "สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง"
Bitcoin กำลังกลายเป็นแหล่ง 'เงินทุนดิจิทัล’ ?
ไมเคิล เซย์เลอร์ จาก MicroStrategy ตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin ได้เปลี่ยนสถานะจากเทคโนโลยีชายขอบมาสู่แกนกลางของการเงินโลก โดยกลายเป็น “ทุนดิจิทัล” ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งการเมืองและสถาบันต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปในทางบวก
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วที่เกิดขึ้นภายใน 12 เดือน ธนาคารชั้นนำในสหรัฐได้เปลี่ยนจากไม่เป็นมิตรมาสู่การยอมรับ โดยธนาคาร 8 ใน 10 อันดับแรกหันมาเสนอบริการกู้ยืมที่เกี่ยวข้องกับคริปโท
"Bitcoin คือ รากฐานของตลาดเศรษฐกิจ — อำนาจในการซื้อขายของมันนั้นเหนือกว่า Google, Microsoft และแม้กระทั่งงบประมาณของกองทัพเรือสหรัฐ"
นอกจากนี้ คำแนะนำเชิงบวกจากกระทรวงการคลังและกองทุน Bitcoin ETF แบบ Spot ที่เปิดตัวโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ในวอลล์สตรีท เช่น BlackRock ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่า Bitcoin ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว
สถาบันกำลังคืบคลานสู่ ‘บิตคอยน์ ETF’
แบรด การ์ลิงเฮาส์ (Brad Garlinghouse) ซีอีโอของ Ripple ชี้ว่าแรงหนุนจากปัจจัยมหภาค “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ในตลาดสหรัฐที่เคยไม่เป็นมิตร และการเพิ่มขึ้นของบิตคอยน์ ETF แบบสปอต เพราะปัจจุบันคริปโทมีสัดส่วนเพียง 1-2% ของตลาด ETF ทั้งหมด และเดิมพันว่าส่วนแบ่งตลาดนี้จะเพิ่มขึ้นภายในหนึ่งปี เนื่องจากสถาบันต่างๆ ที่เคยนิ่งเฉยจะ "ค่อยๆ คืบคลาน แล้วเดิน แล้ววิ่ง" เข้ามาสู่ตลาดนี้
แบรดปิดท้ายด้วยการทำนายที่น่าจดจำว่า Bitcoin จะแตะระดับ 180,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2026
stablecoin 2.0 อนาคต 'สเตเบิลคอยน์'
การใช้งาน stablecoin ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและสถาบันการเงิน โดยในปี 2024 ปริมาณธุรกรรมของ stablecoin แซงหน้าระบบบัตร Visa และ MasterCard สิ่งที่น่าสนใจคือ Stablecoin ถูกเลือกใช้ในดีลใหญ่ เช่น ดีลมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง mg X และ Binance
หลังจากนี้ stable coin 2.0 หรืออนาคตของ stable coin คือการพัฒนาเรื่องความโปร่งใส และสิ่งที่ยังต้องผลักดันคือความเชื่อมั่นทางกฎหมายและการสนับสนุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่เพื่อให้มีการใช้ในวงกว้างยิ่งขึ้น
UAE กับการสร้างอนาคตด้วย AI และบล็อกเชน
ฯพณฯ โอมาร์ สุลต่าน อัล โอลามา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ บล็อกเชน ผ่านมุมมองของ "ประเทศสตาร์ทอัพ" โดยไม่ยึดติดกับอดีต
"เด็กจากทะเลทรายที่จินตนาการถึงสิ่งที่สามารถสร้างได้จากความว่างเปล่า" กับ "เด็กจากผืนป่าที่เพียงแค่ชื่นชมสิ่งที่มีอยู่แล้ว" โดยอธิบายว่า UAE ตื่นขึ้นมาทุกวันพร้อมคำถามว่า "เราสามารถทำอะไรได้บ้างและอนาคตจะเป็นอย่างไร?" แทนที่จะพึ่งพาอุตสาหกรรมเดิมหรือสถาบันเดิมที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี สู่การตั้งเป้าหมายที่ต้องการเป็นหนึ่งในประเทศที่ เอื้ออำนวยต่อการใช้บล็อกเชนมากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2558







