เม่ารายย่อยหุ้นคริปโทเจ๊งยับ รับ ETF เสี่ยงสูงอิงหุ้น Strategy ร่วงกว่า 80%

ETF ที่ตามหุ้น Strategy ของไมเคิล เซย์เลอร์ ดิ่งเหวกว่า 80% ฉุดรายย่อยคริปโทฯ เสียหายหนัก ตอกย้ำความเสี่ยงของกองทุน Leverage ที่ผันผวนแรงกว่าสินทรัพย์แม่
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่พลิกเป็นขาลงอย่างรวดเร็วในช่วงส่งท้ายปีนี้ ทำให้นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากต้องเผชิญความเจ็บปวดครั้งใหญ่ ไม่แต่เฉพาะคนที่เทรดคริปโทฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่เล่นคริปโทฯ ทางอ้อม ผ่านบรรดากองทุน ETF ที่อิงการเคลื่อนไหวของหุ้น "Strategy Inc." บริษัทเทคของไมเคิล เซย์เลอร์ ที่ถูกมองว่าเป็น Proxy ของบิตคอยน์ในตลาดหุ้นด้วย
กองทุนอย่าง MSTX, MSTU และ MSTP ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนรายวันเป็น "สองเท่า" ของการเคลื่อนไหวของหุ้น Strategy ร่วงลงไปแล้วกว่า 80% นับตั้งแต่ต้นปี ทำให้สินทรัพย์รวมของกองทุนเหล่านี้หายไปราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงสองเดือน
บลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดานักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าร่วม “การทดลองบิตคอยน์ครั้งใหญ่” ของไมเคิล เซย์เลอร์ ใน Strategy Inc. กำลังต้องจ่ายบทเรียนราคาแพงในขณะนี้
ลงทุนทางอ้อมเสี่ยงอย่างไร?
Strategy Inc. หรือชื่อเดิมคือ MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์ที่ผันตัวมาเป็นผู้ถือบิตคอยน์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยใช้ทั้งเงินสดและการออกหุ้นหรือตราสารหนี้ระดมทุนเพื่อซื้อบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง จนราคาหุ้นเคลื่อนไหวตามบิตคอยน์เกือบทั้งหมด เมื่อคริปโทฯ ขึ้นราคาหุ้นจะพุ่งแรง แต่เมื่อตลาดลงหุ้นจะร่วงเร็วยิ่งกว่า
ครั้งหนึ่งบริษัทนี้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทำให้การลงทุนในคริปโทฯ สามารถเข้าถึงได้ผ่านหุ้นบริษัทมหาชน แต่ตอนนี้บริษัทกำลังเร่งสร้างความเชื่อมั่นแก่ตลาดอย่างหนัก หลังจากหุ้นบริษัทดิ่งลงมากกว่า 60% จากระดับสูงสุด ท่ามกลางทรุดตัวลงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง
เมื่อวันจันทร์ Strategy เปิดเผยว่าได้ตั้งสำรองมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อใช้รองรับการจ่ายเงินปันผลและดอกเบี้ย หวังบรรเทาความกังวลว่าบริษัทอาจถูกบังคับให้ขายบิตคอยน์ หากราคาทรุดตัวลงไปอีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว กองทุน ETF หลักๆ ที่ติดตามหุ้น Strategy ได้แก่ MSTX และ MSTU ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนรายวันเป็นสองเท่าของการเคลื่อนไหวของหุ้นแม่ ต่างร่วงลงมากกว่า 80% ในปีนี้ ทำให้กองทุนเหล่านี้ติดหนึ่งในสิบ "กองทุนที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในตลาด ETF สหรัฐ" ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ซื้อขายกว่า 4,700 รายการ โดยอยู่ถัดจากกองทุนที่เดิมพันการปรับตัวลงของหุ้นเหมืองทองคำและหุ้นเซมิคอนดักเตอร์
ส่วนกองทุนรายที่สาม MSTP ซึ่งเปิดตัวในช่วงกระแสคริปโทฯ พุ่งแรงในเดือนมิ.ย. ก็ร่วงลงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ทั้งสามกองทุนนี้มีมูลค่าสินทรัพย์ร่วงลงรวมกันแล้วประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. ที่ผ่านมา
บลูมเบิร์กระบุว่า มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากหลั่งไหลเข้ากองทุนเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงที่บริษัทอย่าง Defiance และ Tuttle Capital เปิดตัวผลิตภัณฑ์ความผันผวนสูงที่ติดตามการเทรดบิตคอยน์ผ่านหุ้น Strategy ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพร็อกซีบิตคอยน์ที่โดดเด่นที่สุดในวอลล์สตรีท
แต่สิ่งที่เริ่มต้นจากวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มระดับการเก็งกำไรในคริปโทฯ กลับกลายเป็นบทเรียนเตือนใจว่าเลเวอเรจ ความผันผวน และความเชื่อมั่นของตลาดสามารถพุ่งขึ้นหรือดิ่งลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ราคาหุ้น Strategy ดิ่งลง 34% ในเดือนพ.ย. และปิดตลาดวันจันทร์ลดลง 3.3% หลังจากดิ่งลงไปถึง 12% ระหว่างการซื้อขาย ขณะที่ราคาบิตคอยน์ดิ่งลงราว 30% จากระดับสูงสุดในเดือนต.ค. ปัจจุบันซื้อขายเหนือระดับ 86,000 ดอลลาร์
“การอ่อนตัวของบิตคอยน์ล่าสุดทำร้ายหุ้น Strategy อย่างหนัก และผลิตภัณฑ์เลเวอเรจ 2 เท่าอย่าง MSTX และ MSTU ก็ขยายความสูญเสียนั้นให้รุนแรงขึ้นอีก” โรซานนา อิสลาม หัวหน้าฝ่ายวิจัยรายเซ็กเตอร์และอุตสาหกรรมของ TMX VettaFi กล่าว
“นี่เป็นเครื่องเตือนใจว่า ETF เหล่านี้ (leveraged single-stock ETF) อาจดูสวยงามในช่วงขาขึ้น แต่สามารถลบกำไรทิ้งอย่างรวดเร็วเมื่อทิศทางของสินทรัพย์เปลี่ยนไป”
ที่มา: Bloomberg







