‘ทรัมป์’ แบน ‘ดิจิทัลดอลลาร์’ เปิดทาง ‘จีน-ยุโรป’ พัฒนา CBDC

‘ทรัมป์’ สั่งแบน ‘ดิจิทัลดอลลาร์’ กระทันหัน เปิดทาง ‘จีน-ยุโรป’ พัฒนา CBDC ดัน ‘สเตเบิลคอยน์’ อาจกลายเป็นทางเลือกหนึ่งของดอลลาร์ดิจิทัลในอนาคต
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานหลังจากที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศแบน "ดอลลาร์ดิจิทัล" หรือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) อย่างฉับพลันนั้น เปิดโอกาสให้จีนและยุโรปมีช่องทางมากขึ้นในการผลักดันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางให้กลายเป็นมาตรฐานระดับโลก
ตอนนี้สหรัฐกลายเป็นประเทศเดียวที่มีคำสั่ง “ห้ามใช้” สินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวโดยตรงจากประธานาธิบดี ซึ่งที่ผ่านมา สหรัฐมีความลังเลในการแปลงสภาพดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในกว่า130 ประเทศซึ่งคิดเป็นร้อยละ 98 ของเศรษฐกิจโลกที่กำลังสำรวจ CBDC เพื่อใช้ประโยชน์และติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ซึ่งฝ่ายที่สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลมองว่า เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้สามารถทำธุรกรรมการชำระเงินข้ามสกุลเงินได้แบบทันที ตลอด 24 ชั่วโมง และยังเป็นทางเลือกที่จะมาแทนที่เงินสด ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะค่อยๆ ลดบทบาทลงในอนาคต
เปิดทาง ‘จีน-ยุโรป’ พัฒนา CBDC
จีน บาฮามาส และไนจีเรียเป็นผู้นำที่ชัดเจนในการพัฒนาและมีการใช้ CBDC เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันที่ยุโรป แม้ว่าจะมีความเห็นไม่เห็นด้วยในบางกลุ่ม แต่ธนาคารกลางยุโรปก็มีแผนที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของยุโรปหรือ “ยูโรดิจิทัล” ในช่วงปลายปีนี้
จอช ลิปสกี้ นักวิจัยจาก Atlantic Council มองว่าคำสั่งห้ามของทรัมป์ที่เกี่ยวกับการพัฒนาดอลลาร์ดิจิทัล แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสหรัฐมากนัก เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่มีแผนที่จะพัฒนาดอลลาร์ดิจิทัลสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็ส่งผลกระทบในระดับโลก
ลิปสกี้มองว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ยุโรปมีโอกาสในการพัฒนายูโรดิจิทัล และกำหนดมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับสากล และทำให้จีนสามารถเข้ามาเสนอเทคโนโลยีสกุลเงินดิจิทัลให้กับประเทศต่างๆ ได้มากขึ้น รวมถึง “สเตเบิลคอยน์” สกุลเงินดิจิทัลที่ผูกติดกับสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ เช่น ดอลลาร์ อาจกลายเป็นทางเลือกหนึ่งของดอลลาร์ดิจิทัลในอนาคตอันใกล้