2024 ปีที่ 'บิตคอยน์' ทะลุ 1 แสนดอลลาร์ ปีหน้าจ่อปังกว่าเดิมเพราะทรัมป์

“บิตคอยน์” 2024 ทำนิวไฮสูงสุดทะลุ 1 แสนดอลลาร์ ได้สำเร็จ ทั้ง Bitcoin halving และการอนุมัติกองทุนบิตคอยน์ ETF และ "โดนัลด์ ทรัมป์" จุดกระแสตลาดคริปโทฯ คึกคัก ด้วยนโยบายที่อาจดันราคาพุ่งไปถึงปีหน้า
นับตั้งแต่ที่เกิด "ฟองสบู่บิตคอยน์แตก" เมื่อปี 2565 จากระดับราคานิวไฮของปีเดียวกันที่เกือบ 65,000 ดอลลาร์/BTC ลงมาเหลือไม่ถึง 17,000 ดอลลาร์/BTC ท่ามกลางการล้มหายตายจากครั้งใหญ่ของบริษัทในวงการ "คริปโทเคอร์เรนซี" ก็กลายเป็นสินทรัพย์ที่หลายคนขยาด และดูไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นกลับมาได้ในเร็ววัน
แต่ภายในเวลาแค่ 2 ปี คริปโทเคอร์เรนซี ที่นำโดย บิตคอยน์ ก็กลับมาสู่ภาวะ To the Moon อีกครั้งในปีนี้ แถมยังพุ่งไปไกลกว่าที่คาดจนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์/BTC ได้สำเร็จ
ในปีนี้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์ได้อานิสงส์จากปีแห่งวัฏจักรการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการอนุมัติ กองทุนบิตคอยนต์ ETF ทำให้ราคาไต่ระดับขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. แต่ก็ยังเคลื่อนไหวได้เพียงแค่กรอบ 50,000 - 80,000 ดอลลาร์ จนกระทั่งได้ปัจจัยบวกใหม่จากชัยชนะของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนพ.ย.
ทรัมป์ได้จุดกระแสความสนใจอนาคตของบิตคอยน์ และวงการคริปโทเคอร์เรนซีผ่านแคมเปญหาเสียง และเปิดเผยข้อเสนอว่าจะตั้ง "กองทุนสำรองบิตคอยน์ทางยุทธศาสตร์" (Bitcoin Strategic Reserve Fund)" ขึ้นมาในสหรัฐ ทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งทะยานจนขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ประมาณ 108,315 ดอลลาร์ หรือราว 3.7 ล้านบาทเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. และทำให้มูลค่าตลาดขึ้นไปแตะที่ระดับ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากคอยน์เกกโค
ตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งบิตคอยน์เพิ่มขึ้นกว่า 50% และเพิ่มขึ้นราว 121.03% ต้นปีถึงปัจจุบัน (25 ธ.ค.) และเมื่อราคาบิตคอยน์ทำสถิติใหม่ ทรัมป์ได้แสดงความยินดีผ่านโซเชียลมีเดีย Truth Social ว่า
"ขอแสดงความยินดีกับเหล่า Bitcoins!!! ยินดีด้วย!!! ร่วมกันทำให้ประเทศอเมริกายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!"
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยวิจารณ์คริปโทฯ ว่าเป็นการหลอกลวง แต่วงการสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินกระแสหลักมากขึ้น เมื่อทรัมป์สัญญาว่าจะผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ ของโลก และจะสะสมบิตคอยน์ไว้เป็นทรัพย์สินสำรองของประเทศ ซึ่งจะขับเคลื่อนการยอมรับจากสถาบันการเงิน การพัฒนาด้านการชำระเงิน รวมถึงกรอบกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้น
สถาบันหนุนบิตคอยน์ฟื้นตัว
ปีนี้ตลาดคริปโทฯ สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้พร้อมกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมาทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันการเงิน หลังจากที่ก.ล.ต. สหรัฐได้อนุมัติกองทุนอีทีเอฟบิตคอยน์ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสความสนใจในการลงทุนในบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีเงินลงทุนไหลเข้าสู่กองทุนเหล่านี้มากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่การอนุมัติ
เจฟฟ์ เคนดริก หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในปี 2024 มีการซื้อบิตคอยน์ทั้งหมดประมาณ 3% ของอุปทานทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันโดยเงินของสถาบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของนักลงทุนสถาบันในการขับเคลื่อนตลาดบิตคอยน์ปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งที่ลงทุนในบิตคอยน์ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของตลาด เช่น บริษัทไมโครสแตรทเทอจีได้ลงทุนในบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง และถือครองบิตคอยน์รวมประมาณ 402,100 เหรียญ/BTC ณ วันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งทำให้บริษัทได้รับกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 540% ในปีนี้
บิตคอยน์ยังเป็นสินทรัพย์เก็งกำไร ?
ท่ามกลางกระแสความสนใจคริปโทฯ ที่เพิ่มขึ้น ยังมีข้อสงสัยที่เกิดขึ้นว่า บิตคอยน์เป็นเพียงสินทรัพย์การลงทุนเพื่อเก็งกำไรหรือไม่ โดย “เจอโรม พาวเวล” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปรียบเทียบบิตคอยน์กับทองคำว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับทองคำ แต่ผู้คนไม่ได้ใช้สำหรับการชำระเงินหรือเพื่อรักษามูลค่าเพราะมันมีความผันผวนสูง และไม่สามารถแข่งขันกับเงินดอลลาร์ได้”
จากนั้นราคาบิตคอยน์ปรับตัวลดลงในทันที และร่วงกว่า 10% จากจุดสูงสุดมาอยู่ที่ 94,431.84 ดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์คริปโทฯ จากเรคท์แคปปิตอลคาดการณ์ว่า การปรับฐานของบิตคอยน์อาจกินเวลานานหลายสัปดาห์ แต่จะสามารถฟื้นตัวกลับมาที่ระดับเดิมได้อีกครั้ง
อนาคต 'บิตคอยน์ 2025'
ปี 2025 ทรัมป์เตรียมทีมบริหารใหม่ยกชุดซึ่งส่งสัญญาณบวกต่อวงการคริปโทฯ โดยเสนอชื่อ “พอล แอตกินส์” ผู้สนับสนุนคริปโทฯ และอดีตกรรมาธิการที่มีความรู้ และประสบการณ์ในวงการคริปโทฯ เข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ หรือ ก.ล.ต.สหรัฐ แทน แกรี่ เจนสเลอร์ ซึ่งตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกและคาดหวังถึงนโยบายที่เอื้อต่อภาคธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ยังรวมถึง "ฮาวเวิร์ด ลุตนิก" ผู้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่สนับสนุนการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ และ "อีลอน มัสก์" ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในหน่วยงานที่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารรัฐบาลชุดใหม่ที่มีชื่อย่อว่า Doge ซึ่งทั้งสองบุคคลสำคัญเหล่านี้ต่างแสดงความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลอย่างชัดเจน
หากแผนการจัดตั้ง "กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์" ของซินเธีย ลัมมิส วุฒิสมาชิกจากรัฐไวโอมิงผ่านร่างกฎหมาย โดยเสนอให้รัฐบาลทยอยสะสมบิตคอยน์ 1 ล้านเหรียญ หรือราว 5% ของอุปทานทั้งหมดที่มีจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ภายใน 5 ปี อาจช่วยให้สหรัฐได้เปรียบในการเป็นผู้นำในการครอบครองบิตคอยน์และส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และมูลค่าของคลังสำรองอาจสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
หรือว่ากองทุนนี้จะเป็นการเอาใจ “ผู้บริจาคเงิน” แลร์รี ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่อง “บ้า” เนื่องจากบิตคอยน์ไม่มีพื้นฐานที่ชัดเจนเหมือนกับหุ้น น้ำมันและทองคำ
เว็บไซต์บิตไวส์ได้เผยแพร่รายงาน "10 การคาดการณ์เกี่ยวกับคริปโทฯ สำหรับปี 2025" โดยคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์จะพุ่งทะลุ 200,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปีหน้า และอาจสูงถึง 500,000 ดอลลาร์ หากรัฐบาลสหรัฐผ่านร่างกฎหมายนี้
หรือแม้กระทั่งแผนการเสนอให้ใช้บิตคอยน์เพื่อชำระหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐ หรือ “crypto check” มูลค่ากว่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันวิกฤติหนี้ที่กำลังใกล้เข้ามา แต่ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะใช้คริปโทฯ เพื่อจุดประสงค์นี้ได้อย่างไร เพราะทรัมป์จะต้องสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อทำให้ "คริปโทเคอร์เรนซี" เข้าสู่การเงินกระแสหลักได้อย่างแท้จริงก่อน นโยบายเหล่านี้จึงจะสามารถเป็นจริงได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







