'กัลฟ์-ไบแนนซ์' ลั่นขึ้นเบอร์ 1 คริปโท เปิด 5 กลยุทธ์ ลุยตลาดเงินดิจิทัล

'กัลฟ์-ไบแนนซ์' ลั่นขึ้นเบอร์ 1 คริปโท เปิด 5 กลยุทธ์ ลุยตลาดเงินดิจิทัล

“กัลฟ์” จับมือ "ไบแนนซ์" ยึดเบอร์ 1 ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ด้าน “ริชาร์ด” ยืนยัน “คริปโท” ยังเป็นธุรกิจแห่งอนาคต ชี้ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานรายใหญ่ที่กำลังธุรกิจออกไปครอบคลุมกลุ่มการเงินไม่ว่าจะเป็นการยื่นขอใบอนุญาตธนาคารไร้สาขา รวมไปถึงธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้หาความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้รู้จักไบแนนซ์ผ่านเจ้าของถือว่ามีความคุ้นเคยกันดี จากการที่สนใจลงทุนด้านดิจิทัล ไบแนนซ์มีความรู้ความเชี่ยวชาญจึงเลือกไบแนนซ์เพราะมีความมั่นคง มีแนวความคิดที่ดี ซึ่งการทำธุรกิจดิจิทัลต้องต้องโปร่งใส ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีก็จะต้องตอบโจทย์ ระบบไบแนนซ์ค่อนข้างดี ตนเคยถามว่าหากเอาเงินไปฝากและจะเสี่ยงที่จะหายไปหรือไม่ เขาให้ความมั่นใจถึงระบบการสำรองที่เพียงพอทั้งในบริษัทและเทคโนโลยีที่ดี

ผนึกความร่วมมือ “ไบแนนซ์” ลุยคริปโท

นางสาวธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะกัลฟ์และในนามผู้ถือหุ้นกัลฟ์ไบแนนซ์นำเสนอว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะบล็อกเชนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งกัฟล์อยากเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม กัลฟ์มีทั้งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและพลังงาน ในขณะที่ไบแนนซ์ ถือเป็นผู้มีประสบการณ์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีด้านบริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้น ความร่วมมือจะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่ธุรกิจดิจิทัลและต่อยอดไปสู่ธุรกิจดิจิทัลด้านอื่นในอนาคต

นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด กล่าวว่า คนไทยมีความชื่นชอบสินทรัพย์ดิจิทัลมาก ซึ่งบางคนอาจไม่รู้ว่าไทยอยู่อันต้นที่มีความเชี่ยวชาญ และจากการวิจัยพบว่าไทยติดอันดับ 10 ของโลก และจากการสำรวจ 10-20% มีประสบการณ์ครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัล จึงถือว่าไทยมีความพร้อมด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า นวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยหลายคนอาจไม่เข้าใจว่าสินทรัพย์ดิจิทัลทำให้มีกำไร และมองว่าเป็นการพนัน ซึ่งที่ผ่านมา 2 ปี มีหลายเหตุการณ์ที่บั่นทอนความเชื่อมั่น เช่น การล้มละลายของแพลตฟอร์มดังๆ

ทั้งนี้ ไบแนนซ์ถือเป็นผู้นำที่มีเทคโนโลยีและได้รับการรับรองระดับโลกนำดิจิทัลมาพัฒนาอีโคโนมี รวมกับอีโคซีสเต็มต่อยอดธุรกิจดิจิทัลในไทย รวมถึงผู้นำที่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เรามีความสามารถที่จะทำให้ถึงเป้าหมาย จากเป้าหมายการนำนวัตกรรมระดับโลกมาสู่ประเทศไทย ได้รับจากการรับรองจากกระทรวงการคลัง และอยู่ภายใต้การกำกับของ กลต.

“สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือสร้างแพลตฟอร์มที่ดี เข้มแข็ง และขาดไม่ได้คือความปลอดภัย คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีการซื้อขายสนทรัพย์ดิจิทัล จึงต้องพัฒนาให้ตอบโจทย์และผลักดันต่อไป”

อย่างไรก็ตาม การที่กัลฟ์และไบแนนซ์มาร่วมพัฒนาจะทำให้ใช้อีโคซิสเต็มอย่างกว้างขวางเพื่อเปิดตัวในไทย ซึ่งเครือกัลฟ์มีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ช่วยให้ Web3 เติบโต ซึ่งจะมาสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยเติบโต จึงต้องสร้างประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี โดยกัลฟ์จะช่วยให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผ่านจำนวนลูกค้าเอไอเอสกว่า 45 ล้านเลขหมาย จะช่วยให้กว้างขวางขึ้น

5 กลยุทธ์ลุยตลาดเงินดิจิทัลไทย

สำหรับการดำเนินงานมีกลยุทธ์หลัก 5 สำคัญ คือ 1.ให้ความสำคัญโดยโฟกัสลูกค้า ถือเป็นหัวใจ ต้องทำที่ดี เพื่อตอบโจทย์ 2.กำหนดแผนและพัฒนาให้ชัดเจน 3.คอมมูนิตี้ ต้องสร้างองค์ความรู้ กระตือรือร้น เพื่อผลักดันให้ใช้งานแพร่หลาย 

4.สร้างความรู้ความเข้าใจ ด้วยการที่สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นส่งใหม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงต้องสร้างความรู้ถึงประโยชน์และความเสี่ยงของสินทรัพย์ และ 5.การกำกับดูแล โดยต้องทำตามกฎ ระเบียบ ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ผลักดันไปด้วยกัน

“ไบแนนซ์มีเทคโนโลยีทั่วโลกครอบคลุมทุกเซ็คเตอร์ มีความเข้มแข็งที่มากกว่า เรามีระบบดูแลลูกค้า สามารถตอบคำถามได้ 88% มีการพัฒนาฟิวเจอร์ต่างๆ มากมาย ทำให้ลูกค้ารู้ราคาผันผวนได้และตั้งเวลาราคาได้ และสุดท้ายการทำแคมต่างๆ ซึ่งเราจะไม่หยุดแค่แคมเปญนี้ และจะมีแคมอื่นๆ ตามมา”

ลุยเบอร์ 1 กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล

สำหรับปัจจัยที่ไทยอยู่อันดับ 10 ของการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากมีการใช้โซเชียลมีเดียสูงสุดที่ช่วยผลักดันกระจายความรู้คริปโท ซึ่งเราตั้งเป้าต้องการเป็นเบอร์ 1 ในไทยด้านนี้ เพราะด้วยเทคโนโลยีที่มี และจะไม่ใช่แค่เชิงการซื้อขายอย่างเดียว แต่ต้องสร้างอีโคซิสเต็มบล็อกเชน ผ่านการทำแอพพลิเคชั่น พาร์ทเนอร์ องค์กร ภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา เพื่อสร้าความรู้โดยได้รับการสนับสนุนจากไบแนนซ์

ทั้งนี้ แม้ไทยจะติดอันดับ 10 ของโลก ประชากรแค่10% อุปสรรคคือความเข้าใจ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไทยมีหลายภาคส่วน จึงต้องสร้างความเข้าใจให้ความมั่นใจในอุตสาหกรรมนี้ คริปโทเปิด 24 ชั่วโมง ต่างจากการซื้อขายหุ้น จึงต้องใช้เวลาพูดคุยให้ความรู้ 

ส่วนภาคพาร์ทเนอร์ต้องให้ความรู้ว่าบิทคอยน์มาแล้วจะลงทุนหรือไม่จึงต้องทำความเข้าใจในทุกภาคส่วน โดยต้องเริ่มต้นพื้นฐานการศึกษา เพื่อให้ยอมรับสินค้ามากขึ้น

“หลายคนอาจยังไม่เคยสัมผัสสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะเป็นนวัตกรรมเป็นอะไรใหม่ที่แตกต่าง จากการซื้อขายเข้าใจยากในตอนแรก แต่เมื่อพอศึกษาจะพบว่ามีบางอย่างที่แตกต่าง เมื่อศึกษาอย่างจริงจังแล้วมีประโยชน์ ซึ่งอนาคตจะสร้างสิ่งใหม่ได้อีกมากมาย”

“ไบแนนซ์”ยืนยันเป็นธุรกิจแห่งอนาคต

นายริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance กล่าวว่า สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอุตสาหกรรมใหม่มาก โดยปัจจุบันมีการใช้บล็อกเชนมากขึ้นและมูลค่ามากขึ้น เหมือนวงรอบ 4 ปี ราคาสูงสุดอาจ 6 เดือน มูลค่าเกิดจากคนใช้ที่เยอะขี้น เกิดการลงทุนมากขึ้น 

ทั้งนี้ หากราคาลดลงครึ่งหนึ่งจะเห็นอุปทานลดลงและจะเกิดอุปสงค์ตามมา ซึ่งแต่ละประเทศพัฒนาต่างกันและไทยพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่และมีเทคโนโลยีใหม่ และความรู้ด้านเทคโนโลยีสูงแต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นจากทั่วโลก 5% จึงมีช่องทางเติบโตมากและจะเห็นการลงทุนใหม่

นอกจากนี้ ภาพรวมของไบแนนซ์ในตลาดโลกในฐานะผู้นำของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมองว่าคริปโทเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และกัลฟ์ถือเป็นหุ้นส่วนเข้มแข็งเป็นผู้นำด้านพลังงาน สื่อสารและข้อมูล โดยเมื่อผู้นำทั้งคู่มาร่วมกันจะสร้างมูลค่าอีกเยอะ

สำหรับกลยุทธ์จะนำ 3 ส่วนสำคัญให้กับผู้มีส่วนได้เสีย จากการมีความมุ่งมั่นคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก ตอบสนองจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ การกำกับดูแลทิศทางต้องชัดเจน การทำงานกำกับดูแลระดับโลกจะเห็นส่วนหุ้นส่วนสำคัญ

ทั้งนี้ ความสำเร็จสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีคนมองว่าเสี่ยงทั้งที่จริงอาจเข้าใจผิด โดยบิทคอยน์มูลค่าจะไปถึง 2 แสนดอลลาร์ในปีนี้ ในขณะที่ไบแนนซ์มีใบอนุญาตมากสุดจากหน่วยงานกำกับดูแล 18 ประเทศ ซึ่งจะมีการจะนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้จริงเพื่อเปลี่ยนชีวิตคนไทย

“ไทยโชคดีเพราะมีความครอบคลุมด้านการเงิน หลายประเทศไม่มีวิธีชำระเงินที่ดี การโอนเงินธนาคารยังคิดค่าโอนที่แพง คริปโททำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระบบกระจายศูนย์กลาง มีจุดแข็งมากมาย หลายประเทศลดค่าเงินจำนวนมาก แต่คริปโทเก็บมูลค่าได้หลายปี ช่วยให้ชีวิตคนดีขึ้นทั่วโลก จะเห็นประโยชน์มากมาย มองว่าไม่ช้าเกินไปที่จะเรียนรู้ และไม่ช้าเกินไปที่จะเริ่มต้น”