'มีมคอยน์' เหรียญคริปโทตลกร้าย พุ่งขึ้นและดิ่งลงตามกระแสโซเชียล

'มีมคอยน์' เหรียญคริปโทตลกร้าย พุ่งขึ้นและดิ่งลงตามกระแสโซเชียล

'มีมคอยน์' เหรียญคริปโทตลกร้ายที่ไม่ธรรมดา น่าสนใจจนเป็นเหรียญที่มือใหม่ทดลองเล่น พุ่งขึ้น 100% 1000% หรือ 10,000% ตามกระแสโซเชียล จากนั้นก็ดิ่งลงตามความนิยมที่หดหาย หรือในบางครั้ง เพราะ"วาฬ" มีมคอยน์ออกมาเทขายจนกระทบราคา

KEY

POINTS

  • Meme Coin เหรียญคริปโทที่ "ผันผวนมากที่สุด" เรื่องตลาดร้ายที่กลายเป็นจริง
  • ราคา Meme Coin เคลื่อนไหวตาม "กระแสความนิยม" บนโซเชียลมีเดีย
  • ลงทุนมีคอยน์ "ไว้ดูเล่น" กิจกรรมสนุกสนาน มากกว่าการลงทุน
  • เศรษฐี Dogecoin รวยเร็วชั่วข้ามคืน แต่ไม่ยอมขาย จนพอร์ตติดลบกว่า 90% 

'มีมคอยน์' เหรียญคริปโทตลกร้ายที่ไม่ธรรมดา น่าสนใจจนเป็นเหรียญที่มือใหม่ทดลองเล่น พุ่งขึ้น 100% 1000% หรือ 10,000% ตามกระแสโซเชียล จากนั้นก็ดิ่งลงตามความนิยมที่หดหาย หรือในบางครั้ง เพราะ"วาฬ" มีมคอยน์ออกมาเทขายจนกระทบราคา

เหรียญมีม (Meme Coin) เป็นหนึ่งในเหรียญ "คริปโทเคอร์เรนซี" ประเภท "โทเคนดิจิทัล" ที่มักถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน ขำขัน โดยใช้มีม (Meme) เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้รูปแบบของเหรียญมีมจึงมักมีโลโก้ที่น่ารัก ตลก หรือมีความล้อเลียน

แม้ว่าเหรียญมีมส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากเรื่องตลก แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนมากที่สุด โดยมีบางเหรียญที่พุ่งไปแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มูลค่ารวมของตลาดเหรียญมีมทั้งหมด ทะลุเกินกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ กลายเป็นเรื่องตลกที่เป็นเรื่องจริงที่มีราคาแพง

Dogecoin เหรียญมีมตัวแรก

เหรียญมีมตัวแรกคือ Dogecoin ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2013 โดยใช้รูปภาพของ Shiba Inu สุนัขพันธุ์ชิบะอินุ จากมีม "doge" บนเว็บไซต์ Reddit ในตอนแรก Dogecoin ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการลงทุนอย่างจริงจัง แต่ด้วยความน่ารักและความตลก ทำให้เหรียญมีมตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเหรียญมีมตัวอื่นๆ อีกมากมาย

บ่อยครั้งที่ กระแสความนิยมของเหรียญมีมจะเกิดขึ้น หลังจากราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก Bitcoin มีราคาแพงขึ้น ทำให้เหรียญมีมกลายเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ราคาถูกกว่าสำหรับนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ปกติแล้วในช่วงตลาดขาขึ้นของคริปโท มักจะมีเหรียญมีมยอดนิยมอย่างน้อยหนึ่งเหรียญที่โดดเด่นเสมอ 

5 เหรียญมีมยอดฮิต

เหรียญมีมมักไม่มีกรณีการใช้งานจริง เนื่องจากเหรียญมีมส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน มากกว่าที่จะมีกรณีการใช้งานจริงในโลกของคริปโทเคอร์เรนซี ราคาขึ้นลงตามกระแสความนิยมบนโซเชียลมีเดีย ข่าวสาร หรือเหตุการณ์ต่างๆ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูง เพราะราคาสามารถขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว

  • Dogecoin (DOGE)
  • Shiba Inu (SHIB)
  • Floki Inu (FLOKI)
  • Baby Doge Coin (BABYDOGE)
  • Samoyedcoin (SAMO)

เคยพุ่งสูงสุด  14,600% 


ในช่วงปี 2021ราคา Dogecoin  พุ่งสูงสุด ประมาณ 14,600% ราคาเริ่มต้น อยู่ที่ 0.004 ดอลลาร์ ไปสู่ระดับ  0.73 ดอลลาร์ มาจากยุกเริ่มต้นของกระแสความนิยมเหรียญมีม (memecoin) รวมทั้งการพูดถึงของอีลอน มัสก์และ การประกาศ ของคอยน์เบส(Coinbase) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโท ว่าจะเพิ่ม Dogecoin เข้าสู่แพลตฟอร์ม

เหรียญคริปโทของ"มือใหม่"

มีหลายคนเริ่มเล่นคริปโทด้วยมีมคอยน์ เพราะ "เข้าถึงง่าย" สำหรับคนที่อยากลองลงทุนในคริปโท ทำให้มีมคอยน์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีราคาถูกกว่าเหรียญคริปโทประเภทอื่น  บวกกับ"กระแสความนิยม" บนโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนสนใจและอยากลองลงทุน หลังจากที่เห็นโอกาสราคาของมีมคอยน์สามารถขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว หรือบางคนเลือกที่จะลงทุนมีคอยน์ "ไว้ดูเล่น" เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน มากกว่าการลงทุน

"กระแสความนิยม" บนโซเชียลมีเดีย ยกตัวอย่างง่ายๆคือ "อีลอน มัสก์" ผู้โปรดปรานเหรียญ มีมคอยน์ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีมคอยน์ โดยเฉพาะ Dogecoin 

มีหลายครั้งที่ มัสก์ ทวีตข้อความเกี่ยวกับ Dogecoin ซึ่งช่วยกระตุ้นราคาให้พุ่งสูงขึ้นในทันที หรือแม้แต่การประกาศว่าจจะรับ Dogecoin เป็นสกุลเงินสำหรับการซื้อสินค้าบางรายการของ Tesla และสิ่งที่ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้น คือ เคยเปลี่ยนโลโก้ Twitter ชั่วคราวเป็นรูป Shiba Inu สุนัขที่เป็นสัญลักษณ์ของ Dogecoin ทำให้ราคาพุ่งขึ้นกว่า 30%

มัสก์ชอบเหรียญมีมคอยน์ เพราะว่าเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมอินเตอร์เน็ต และมีศักยภาพที่จะเป็นระบบการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม มัสก์ไม่ได้สนับสนุนเหรียญมีมคอยน์ทุกเหรียญ  เขาเคยเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุนในเหรียญมีม  และบอกว่าพวกเขาควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง

อะไรอีกที่ทำให้ราคาพุ่งขึ้น?


แต่ทว่าเหรียญมีมหลายตัวมีการกระจายที่น่าสงสัย มีโทเคนจำนวนมากไปอยู่ในมือของนักลงทุนเพียงไม่กี่กลุ่ม ทำให้ราคาของเหรียญมีมเคลื่อนไหวขึ้นลงได้ง่ายตามการเทขายหรือเก็บสะสมของกลุ่มผู้ถือรายใหญ่

นอกจากนี้ เนื่องจากมูลค่าตลาดของเหรียญมีมมีขนาดเล็กกว่า Bitcoin มาก ราคาของเหรียญมีมจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากตามเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ราคาของเหรียญ Shiba Inu พุ่งสูงขึ้นในปี 2022 หลังจาก Robinhood ประกาศว่าจะนำโทเค็นนี้เข้าสู่แพลตฟอร์มของตน

อดีตเศรษฐีชั่วข้ามคืน 


 “เหรียญ Dogecoin ผมเคยมีมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้กลายเป็นเงิน 50,000 ดอลลาร์ เกิดอะไรขึ้น?”


Glauber Contessoto เคยเป็นที่รู้จักในฐานะเศรษฐี Dogecoin จากการลงทุนใน Dogecoin เมื่อปี 2021 โดยลงทุนเงินทั้งหมด 250,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ ประมาณ 8.8 ล้านบาท และกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน เมื่อราคา Dogecoin พุ่งสูงขึ้น

มูลค่าพอร์ต Dogecoin ลดลงไปกว่า 98.33% ในเดือนสิงหาคม 2565เหลือเพียง 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.8 ล้านบาท แต่ยังคงถือ Dogecoin ไว้ทั้งหมดในตอนนี้ และได้ผันตัวไปเป็นผู้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคริปโทในเอ็กซ์(ทวิตเตอร์)

ใครได้กำไร ใครขาดทุน?


แน่นอนว่า นักลงทุนยุคแรกที่ซื้อเหรียญมีมตอนที่ราคายังแทบไม่มีค่า จะมีผลกำไรมาจากการพุ่งสูงขึ้นของราคาเป็นธรรมดา ถัดมาผู้พัฒนาและผู้สร้างเหรียญมีมก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้กำไรจากกระแสความนิยมของเหรียญมีม เพราะคนกลุ่มนี้มีการถือเหรียญไว้จำนวนหนึ่ง

รวมไปถึงตลาดซื้อขายคริปโทและโบรกเกอร์ เป็นอีกกลุ่มที่มักจะถูกมองข้าม พวกเขาจะมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีคนสนใจเหรียญมีมจำนวนมาก ส่งผลให้มีรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้น

*การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
 

อ้างอิง decrypt bloomberg