เปิดอาณาจักร Bitkub กับ ‘ท๊อป จิรายุส’ พร้อมแค่ไหนสำหรับการโบยบินในตลาดหุ้น

เปิดอาณาจักร Bitkub กับ ‘ท๊อป จิรายุส’ พร้อมแค่ไหนสำหรับการโบยบินในตลาดหุ้น

Bitkub เตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในไทยและฮ่องกง ภายใน 1-2 ปี หลังผ่านช่วงเวลา 6 ปีในการสร้างอาณาจักรให้พร้อม หลังผ่านตลาดขาขึ้น-ขาลง ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. พร้อมมุ่งสู่เทรนด์อนาคต AI และ ดิจิทัล เพื่อเป็นระบบการเงินหลักในอนาคต

KEY

POINTS

  • "บิทคับ" เตรียมความพร้อมโบยบินตลาดหุ้นไทย-ฮ่องกง ภายใน 1-2 ปี
  • อยากเป็นหนึ่งในบริษัทเทคคอมพานีของไทยที่สามารถก้าวไปสู่"อันดับหนึ่ง"ของอาเซียน
  • เส้นทางตลอด 6 ปีที่เติบโตก้าวกระโดด สู่ 7 บริษัทที่ ครอบคลุมทุกด้านของเทคโนโลยี
  • ปีนี้มุ่งเป้าโตไปพร้อมกับการผลักดัน SME ไทยให้ไกลกว่าเดิม

Bitkub เตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในไทยและฮ่องกง ภายใน 1-2 ปี หลังผ่านช่วงเวลา 6 ปีในการสร้างอาณาจักรให้พร้อม หลังผ่านตลาดขาขึ้น-ขาลง ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. พร้อมมุ่งสู่เทรนด์อนาคต AI และ ดิจิทัล เพื่อเป็นระบบการเงินหลักในอนาคต

"อยากให้ "บิทคับ" เป็นหนึ่งในบริษัทเทคคอมพานีของไทยที่สามารถก้าวไปสู่อันดับหนึ่งของอาเซียน และขยายไปสู่ผู้เล่นระดับภูมิภาค ขยายบริการออกไปทั่วโลก ดังนั้นการเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นเครื่องมือ หรือ ช่องทางหนึ่งในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจไปสู่ผู้เล่นระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว" 

"ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา" ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ปโฮล ดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยกับทางกรุงเทพธุรกิจ ถึงจุดหมายที่สำคัญในการเป็น "พรอกซี่ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล" หรือตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับโลกการเงินแห่งอนาคต ด้วยการมีใบอนุญาติประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและส่วนที่เกี่ยวข้องในทุกด้าน รวมทั้งการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯทั้งในประเทศไทยและฮ่องกง

จิรายุส มองว่าในอนาคตตลาดจะยิ่งกว้างขึ้น จนกลายเป็น "เมนสตรีม" หรือช่องทางหลัก ของโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินในอนาคต จะไม่ใช่ตลาดเล็กที่บางกลุ่มรู้จักอีกต่อไป เพราะตอนนี้มีสถาบันการเงินเข้ามาให้ความสนใจและเปิดให้ รวมทั้งภาครัฐเองก็มีนโยบายส่งเสริมการโทเคนไนซ์

จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับบิทคับ กับ "ความพร้อมรอบด้าน" ทั้งใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  (ก.ล.ต.) ความโปร่งใส กฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งผ่านเกณฑ์ทั้งหมด ทั้งเกณฑ์ทุนจดทะเบียน เกณฑ์กำไร เกณฑ์มาเก็ตแคป และตรวจสอบบัญชีชุดใหญ่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

เป้าหมายในครั้งนี้เพื่อเปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นเจ้าของ หลังจากที่ผ่านมามีข้อเรียกร้องจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้บิทคับสยายปีกโบยบินได้ไกลกว่าเดิม ด้วยการระดมทุนเพื่อมาขยายธุรกิจไปสู่ผู้ให้บริการดิจิทัลแอคเซสระดับภูมิภาค

เปิดอาณาจักร BitKub

โดยธุรกิจ “Bitkub” แห่งนี้ มีการเติบโตในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง
05 ก.พ. 2561 ทุนปัจจุบัน 74,154,380 บาท ตลอดเส้นทางของ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็น “บริษัทแม่” มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนตอนนี้มีบริษัทลูกถึง 11 บริษัทแล้ว  แต่ดำเนินการเต็มรูปแบบ 7 บริษัท อีก 4 บริษัทรอใบอนุญาตเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ด้าน"ผลการดำเนินงาน" ในปีงบประมาณปีล่าสุด ปี 2565 แม้จะเป็นปี "ขาลงของตลาดคริปโท" แต่ทว่า บิทคับก็ยังคงสร้างกำไรอยู่ โดยมีรายได้รวม  1,744 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลง 24.42% จากปีก่อนหน้า แต่มีกำไรมากถึง 1,322 ล้านบาท

หลายๆคนคงคุ้นเคยบิทคับในฐานะ ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์หรือ Bitkub Exchange ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในปีนี้บิทคับมีบริษัทลูกเพิ่มมาเป็น 6 บริษัทและมีอีก 1บริษัทร่วมทุน รวมทั้งหมดคือ 87บริษัทภายใต้ "บิทคับ แคปปิตอล"

7 บริษัทลูกของ บิทคับ

1. บริษัท บิทคับ ออนไลน์  จำกัด BITKUB ONLINE CO., LTD.
2. บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด BITKUB CAPITAL GROUP HOLDINGS CO., LTD.
3. บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด BITKUB BLOCKCHAIN TECHNOLOGY CO., LTD.
4. บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด BITKUB LABS CO., LTD.
5. บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด BITKUB VENTURES CO., LTD.
6. บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด BITKUB MOONSHOT CO., LTD.

  • 1 บริษัทร่วมทุน

7.บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด BITKUB WORLDTECH CO., LTD. ร่วมลงทุนกับกลุ่มทองแตง

มุ่งลงทุนเทรนด์อนาคต

บิทคับ เป็นหนึ่งในบริษัทที่เรียกได้ว่าพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับเทรนด์ในอนาคตอยู่เสมอ สำหรับทิศทางของกลุ่มบิทคับปีนี้จะมุ่งเน้นเรื่อง AI ที่นำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรตัวเอง พร้อมประกาศว่าปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ จะออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เอ็กซ์เชนจ์ AI เมตาเวิร์ส อคาเดมี่ หรือแม้แต่การลงทุน ของบิทคับเวนเจอร์

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บิทคับเวนเจอร์เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพเป็นหลัก แต่ปีนี้จะขยายการลงทุนไปสู่เอสเอ็มอี เพื่อช่วยเอสเอ็มอีปรับตัวไปสู่โลกอนาคต พร้อมกับขยายเม็ดเงินลงทุนจากปีแรก 3 ล้านบาท ปีถัดมา 10 ล้านบาท และปีล่าสุด 100 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้ เป้าการลงทุนจะมากกว่า 100 ล้านบาทอย่างแน่นอน 

ดังนั้น บิทคับจึงไม่หยุดนิ่งในการหามองพาร์ทเนอร์ที่ดี ในทุกสภาพตลาด เพราะหากมีพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม บิทคับพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อที่จะทำให้ธุรกิจสามารถไปได้ไกลกว่าเดิม และเป็นเวลาที่เหมาสม สำหรับแจ้งกับผู้ถือหุ้นถึงแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ