กระแส AI โค่น ’คริปโท-บล็อกเชน‘ นักลงทุนมอง AI เทรนด์การลงทุนมาแรงในอีก 3 ปี

กระแส AI โค่น ’คริปโท-บล็อกเชน‘ นักลงทุนมอง AI เทรนด์การลงทุนมาแรงในอีก 3 ปี

กระแส AI โค่น คริปโท-บล็อกเชน ผลสำรวจจากธนาคารยักษ์ใหญ่ JPMorgan พบว่า 78% ของนักลงทุนสถาบันไม่ได้วางแผนที่จะซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่นักลงทุนมองว่า AI คือเทรนด์การลงทุนที่จะมาแรงในอีก 3 ปี ข้างหน้ารวมทั้ง "กังวลอัตราเงินเฟ้อ"เป็นปัจจัยกระทบมากสุด

Keypoint:

  • อิทธิพลของคริปโทและบล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมาก
  • ในอีกสามปีข้างหน้า นักลงทุนมองว่า  AI และแมชชีนเลิร์นนิง จะเข้ามากําหนดทิศทางการซื้อขายในอนาคต
  • เปิด 3 ปัจจัยกระทบต่อภาพตลาดในปีนี้ "กังวลอัตราเงินเฟ้อ"มากสุด

ผลสำรวจจากธนาคารยักใหญ่ JPMorgan พบว่า 78% ของนักลงทุนสถาบันไม่ได้วางแผนที่จะซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในอีก 5 ปีข้างหน้า มีเพียง  12% ของที่กำลังวางแผนที่จะซื้อขายคริปโท

และมีเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่มองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (DLT) เป็นเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลมากที่สุด ในการกำหนดอนาคตของตลาดการลงทุนในอีกสามปีข้างหน้า

หลังจากธนาคารได้สำรวจกลุ่มนักลงทุนสถาบันกว่า 4,000 ราย สําหรับการสํารวจประจําปี e-Trading ปี 2567 ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น สะท้อนถึงความกระตือรือร้นในเทคโนโลยี “บล็อกเชน”ลดน้อยลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับสองปีก่อนหน้า

ขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง กลับถูกเลือกเป็นเทคโนโลยีใดจะมีผลกระทบต่อการซื้อขายในอนาคตมากที่สุดในอีกสามปีข้างหน้า มากถึง 61% และคาดการณ์ว่า AI และแมชชีนเลิร์นนิงจะมีอิทธิพลมากที่สุด เพิ่มขึ้นจาก 53% ในปีที่แล้ว

อนาคตของการลงทุนในคริปโทจะเป็นยังไง

ที่น่าสนใจคือ ในปี 2565  บล็อกเชนถือเป็นเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลมากขึ้น 25% เท่ากับ AI และลดลงมาเรื่อยๆ เหลือ 12%  ในปีที่แล้วและลดลงเหลือ 7% ในปี 2567 

หลังจากตลาดคริปโทบลูรันในปี 2564 สิ้นสุดลง และเข้าสู่ “คริปโทวินเทอร์” การล่วงลงที่รุนแรง หลังจากการล้มละลาย ซึ่งแรงระเบิดกระทบต่ออุตสาหกรรมและราคาสินทรัพย์ดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบันยังคงมีความต้องการ ”เทรด“สกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 9% จาก 8% ในปี 2566  และเพิ่มขึ้น 12% ในปีนี้

นี่อาจเป็นเพราะการเข้ามาของยักษ์ใหญ่ของสถาบันทางการเงินขนาดใหญ่ในปีนี้ ทำให้ตลาดคริปโทกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากการอนุมัติ
bitcoin spot ETFs ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นกว่า 95% ตั้งแต่มีกระแสนี้ขึ้น 

แม้ว่าธนาคารจะมีบทบาทในภาคสินทรัพย์ดิจิทัล แต่เจมี่ ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan ได้ต่อต้านคริปโทมานานแล้ว ก่อนการอนุมัติกองทุนบิตคอยน์ไม่นอน ได้กล่าวว่าบิตคอยน์เป็นเหมือน "หินสัตว์เลี้ยง" ที่ "ไม่ทําอะไรเลย" และคําแนะนําส่วนตัวของเขาคือ“อย่าเข้าไปยุ่ง”

นักลงทุนสถาบัน มองว่าในปี 2567 มี 3 ปัจจัยหลัก จากเหตุการณ์มหภาคที่จะกระทบต่อตลาดในวงกว้าง คือ อัตราเงินเฟ้อ 27% 2.การเลือกตั้งของสหรัฐฯ 20% และความเสี่ยงจากภาวะถดถอย 18%

อ้างอิง coindesk