Bitcoin ETF คืออะไร? ทำไมถึงเป็นจุดเปลี่ยนของเกมกระดานคริปโท

Bitcoin ETF คืออะไร?  ทำไมถึงเป็นจุดเปลี่ยนของเกมกระดานคริปโท

ทำไม Spot Bitcoin ETF ถึงเป็น "จุดเปลี่ยน" เกมกระดานคริปโทเคอร์เรนซี วันนี้กรุงเทพธุรกิจ เจาะลึกเรื่องราวกว่าจะเป็น "กองทุนบิตคอยน์" สิ้นสุดการรอคอยกว่าทศวรรษ ที่กำลังเป็น "คลื่นลูกใหม่" ของตลาด "การเงิน"

Keypoint:

  • สตอรี่ของ Spot bitcoin ETF ที่ใช้เวลายาวนานกว่าทศวรรษ
  • สถาบันการเงิน 11 แห่งได้รับใบอนุญาตพร้อมเปิดตลาดทันที
  • จัดตั้งกองทุนบิตคอยน์ ส่งผลกระทบต่อรายใหญ่-รายย่อย

ในปีที่แล้ว และปีนี้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่ซบเซาถูกปลุกชีพให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ด้วยเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่าง Spot Bitcoin  ETF เรียกสั้นๆ ว่า “กองทุน บิตคอยน์” หลังจากล่มสลายไร้สภาพคล่องจากปัญหาการล่มสลายของเหรียญ Terra Luna และแพลตฟอร์ม FTX ที่มีปัญหา “ขาดสภาพคล่อง” ต้นตอของวิกฤติโดมิโนเอฟเฟกต์ในปลายปี 2565

แม้ว่าเรื่องการจัดตั้งจะเริ่มต้นตั้งแต่ ปี 2556 หรือราวๆ 10 ปีก่อนแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่บิตคอยน์ปรากฏสู่สาธารณชน แต่ก็ถูก ก.ล.ต.สหรัฐปัดตกไป เพราะเล็งเห็นถึงความเสี่ยงในการยักย้ายถ่ายเทเงินทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

แต่ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนที่เคย เพราะเมื่อมิ.ย.66 “Blackrock” บริษัทจัดการสินทรัพย์มูลค่ากว่า 9.5 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ยื่น Filing กับ ก.ล.ต. สหรัฐเพื่อขอเสนอขาย Spot Bitcoin ETF ให้แก่ลูกค้า โดยสถิติที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2556 นั้นไม่เคยมีบริษัทไหนขอผ่านมาก่อน (ยกเว้น Bitcoin Future ETF ที่เคยได้รับอนุญาต)

Bitcoin ETF เป็นเครื่องมือทางการเงินที่อ้างอิงราคาของ Bitcoin และช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของโดยตรง แต่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเป็นเจ้าของ Bitcoin จริงมากที่สุด เหมือนกับกองทุน ETF แบบดั้งเดิมซึ่งเป็นกองทุนรวมที่อ้างอิงราคาของสินทรัพย์หรือกลุ่มสินทรัพย์ ที่สำคัญคือ มีการจดทะเบียน และสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์

เรียกได้ว่า ข่าวการอนุมัติกองทุนบิตคอยน์ถือเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ตลาดกลับมามีความหวังอีกครั้ง และผลักดันราคาบิตคอยน์ให้เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จนไม่กี่วันผ่านไปอีกหลายสถาบันการลงทุนต่างยื่นเอกสารเพื่อจัดตั้งกองทุนตาม BlackRock

ตอนนี้ (10 ม.ค.66) ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้บทสรุปว่า ก.ล.ต. สหรัฐได้อนุมัติให้ ARK Investments, BlackRock (BLK.N) และ Fidelity และอื่นๆ รวม 11 แห่ง สามารถจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีตอนนี้ เพราะนี่คือ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

รูปแบบการทำงานของ Bitcoin ETF 

เหล่ากองทุนบิตคอยน์จะBitcoin ETF จดทะเบียนใน ตลาดหุ้นสหรัฐ( NYSE ),ตลาดแนสแด็ก (Nasdaq), และตลาดCboe Global Markets หรือผู้ให้บริการด้านการซื้อขายตราสารอนุพันธ์อันดับต้นๆ ของโลก และมีคนดูแลหรือคล้ายกับที่ปรึกษาอย่าง คอนย์เบส Coinbase Global (COIN)

กองทุนจะถือบิตคอยน์จริงๆ เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ดังนั้นผู้ที่ซื้อกองทุน Bitcoin ETF ก็จะถือว่าเป็นหุ้นส่วนหรือเป็นเจ้าของร่วมในสินทรัพย์ ซึ่งหุ้นส่วนของกองทุนนี้สามารถซื้อ และขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนมีลู่ทางในการลงทุนที่ได้รับการกำกับดูแล และเป็นที่คุ้นเคยกันดี

ตอนนี้หลายบริษัทหลายแห่งได้พากันปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF เพื่อแย่งส่วนแบ่งในตลาด ทำให้ตอนนี้อัตราค่าธรรมเนียมมีตั้งแต่ 0.2% ถึง 1.5% โดยที่หลายบริษัทเสนอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดในช่วงระยะแรก

ว่าแต่ การซื้อบิตคอยน์เอง กับซื้อผ่าน Bitcoin ETF แตกต่างกันยังไง?

Bitcoin ETF มีศักยภาพมากพอที่จะเข้ามาปฏิวัติตลาดคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมดึงดูดนักลงทุนระดับสถาบันด้วยตัวเลือกในการลงทุน Bitcoin ที่เข้าถึงได้ง่าย และภายใต้การกำกับดูแล และปลอดภัยจากการโจรกรรมทางไซเบอร์

เพราะในปีที่ผ่านมา ความเข้มข้นด้านกฏหมายในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีสหรัฐ “เข้มงวด” เหลือเกิน ทั้งกระดานเทรดเบอร์ 1 ของโลก อย่าง ไบแนนซ์ (Binance) ถูกฟ้องร้อง กรณีละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐ 

เปิดประตูการลงทุนรายใหญ่ - รายย่อย 

แต่ในทางตรงกันข้าม ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยจึงสามารถเข้าถึงได้ ผ่านบัญชีกลางอย่างกองทุนบิตคอยน์ทั้ง 11 แห่ง และขณะเดียวกัน ก็เป็นการเปิดประตูสู่นักลงทุนสถาบันที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ทางเลือกโดยตรงได้

 

Bitcoin Future และ Bitcoin ETF 

ย้อนไปในปี 2564 ก.ล.ต.สหรัฐได้อนุมัติ  Bitcoin Future คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคา Bitcoin ในตลาดโลก สามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง โดยวางหลักประกันที่ 60% ของการทำสัญญาก็จะทำการซื้อขายได้

ส่วน Bitcoin ETF คือ กองทุน ETF ที่อ้างอิงราคาของ Bitcoin ในตลาด สามารถซื้อขายได้ในตลาดที่ถูกควบคุมอย่างถูกกฏหมาย ซึ่งวิธีที่ Bitcoin ETF ใช้คือ 
เมื่อมีคำสั่งซื้อมา ผู้ที่ขาย Bitcoin ETF จะไปซื้อ Bitcoin จริงๆ จากในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอีกรอบหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นตลาดที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างถูกกฏหมาย จะมีความยุ่งยากต่างๆ ที่จำเป็นต้องทำก่อนจะซื้อ Bitcoin ETF ได้ เช่น สมัครเว็บ, ใช้ Wallet ในเว็บ เป็นต้น

แต่ถ้าลงทุนกับ Bitcoin ETF ก็จะสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของสินทรัพย์ได้ เพราะปกติ ETF เป็นหนึ่งเครื่องมือของสถาบันการเงินใหญ่ๆ ทำให้มีการรับรองความปลอดภัย ว่าจะไม่เกิดปัญหาดังข้างต้นที่กล่าว ซึ่ง Bitcoin ETF ทำให้กลุ่มคนหลายๆ กลุ่มที่ไม่กล้าเข้ามาลงทุน ได้มีโอกาสเข้ามาลงทุนได้

พลิกเกมกระดานคริปโทเคอร์เรนซี 

สําหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี Spot Bitcoin ETF ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ ที่จะผลักดันคริปโทเคอร์เรนซี และบิตคอยน์เข้าสู่กระแสหลัก โดยมี 4 ผลกระทบของ Bitcoin ETF กับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

1.เพิ่มการเข้าถึงของนักลงทุน

Bitcoin ETF มีแนวโน้มจะสามารถดึงดูดนักลงทุนระดับสถาบันที่เคยลังเลจะเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีให้หันกลับมาสนใจได้ เนื่องจากการนำ Bitcoin มาไว้ในกองทุนที่สามารถซื้อขายผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ที่มีการกำกับดูแล และนักลงทุนคุ้นเคยดีจะช่วยให้นักลงทุนประเภทนี้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และยังสามารถเพิ่มสภาพคล่องโดยรวมให้กับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้อีกด้วย

2.ลดความผันผวนของตลาด

การมาของ Bitcoin ETF อาจสามารถช่วยลดความผันผวนของราคาคริปโทเคอร์เรนซีได้ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันสามารถเข้าถึงตลาดคริปโทเคอร์เรนซีผ่าน ETF ที่ได้รับการกำกับดูแล จึงอาจลดผลกระทบของการซื้อขายแบบเก็งกำไร และสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่สมดุลมากขึ้นได้

3.การเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

การอนุมัติ และการเปิดตัว Bitcoin ETF โดยหน่วยงานกำกับดูแลสามารถเพิ่มความชอบธรรมของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ประเภทหนึ่งได้ ซึ่งจะถูกมองว่าเป็นสัญญาณการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลภายในระบบการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งจะสามารถดึงดูดทั้งนักลงทุนสถาบัน และกระแสหลักเป็นวงกว้างได้มากขึ้น

4.ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคา

Bitcoin ETFs อาจมีผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่นอน แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุน ETF อาจทำให้ราคาของ Bitcoin สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ความเชื่อมั่นของตลาด และการพัฒนาด้านกฎระเบียบ ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อราคาของสกุลเงินดิจิทัลได้เช่นกัน

 

อ้างอิง reuters

 https://www.reuters.com/technology/why-us-bitcoin-etf-is-game-changer-crypto-2024-01-10

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์