Crypto 2023 ปีแห่งการ’ปฏิวัติ’ ปลุกชีพตลาดคริปโท ลุ้นเม็ดเงินลงทุนไหลกลับ

Crypto 2023 ปีแห่งการ’ปฏิวัติ’   ปลุกชีพตลาดคริปโท ลุ้นเม็ดเงินลงทุนไหลกลับ

ตลาดคริปโทฯ ในปี 2566 ถือเป็นอีกปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ตลาดลงทุน ธุรกิจ และเศรษฐกิจระดับโลก เพราะต่างเกิดเหตุการณ์เชิงบวกและเชิงลบหลายอย่าง ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานไม่น้อย 

เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งการ “ปฏิวัติ” คริปโทเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากเหล่าสะาบันการเงินระส่ำระสายเกิดความไม่มั้นคงทางการเงินทางในสหรัฐที่มีการล้มละลายของ ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และจีนที่เกิดวิกฤติอสังหาซึ่งมีมูลค่าความเสียหายที่กระทบต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง “คริปโท

ตลาดคริปโทฯ เริ่มต้นปี 2565 ด้วยความผันผวนของตลาด ซึ่งครอบคลุมทั้งตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ตลอดจนภาคเศรษฐกิจโดยรวม

Silicon Valley ธนาคารล่ม เกือบล้มคริปโท

 

ในช่วงเดือนมีนาคมของปี 2566 เกิดเหตุการณ์สำคัญบนโลกการเงิน Silicon Valley Bank ธนาคารเบอร์ต้นสำหรับเหล่าสตาร์ทอัพและ Venture Capital ฝากเงิน เกิดภาวะขาดสภาพคล่องของ

Coinbase Global แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชื่อดังก็ออกมาประกาศว่า ฝากเงินสำรองของเหรียญ USDC ไว้ในธนาคารดังกล่าวกว่า 240 ล้านดอลลาร์  ทำให้เหรียญ USDC หลุดจากการตรึงมูลค่าที่ 1 ดอลลาร์จากการเสียความเชื่อมั่น 

ก่อนที่ทีมผู้บริหารของ Coinbase และ Circle จะออกมายืนยันว่า จะได้รับเงินฝากคืน 100% ทำให้ USDC กลับไปยืนได้ที่ 1 ดอลลาร์ตามเดิม

กองทุนบิตคอยน์ ETF

BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนชั้นนำของโลก ได้ยื่นอนุมัติขอออกกองทุน Bitcoin Spot ETF ต่อ ก.ล.ต.สหรัฐฯจนทำให้กองทุนอื่นๆ อย่าง Invesco, WisdomTree, Bitwise และอื่นๆอีกเกือบ 10 แห่ง ตบเท้าเข้ามายื่นขอใบอนุมัติ

โดยนักวิเคราะห์และเหล่านักลงทุนต่างมองว่า การยื่นขอออก Spot Bitcoin ETF จะทำให้สถาบันเชื่อมั่นต่อการลงทุนในคริปโทมากขึ้น จนอาจทำราคาขึ้นไปแตะ 1 แสนดอลลาร์เลยก็ว่าได้

 ดังนั้นปี 2565 อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “หลุม (Bottom)” และปี 2566 นี้ จะเป็นปีแห่ง “การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง(Recovery)” ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ตลาดมีการปรับตัวดังนี้

การเติบโตด้านการใช้งานของ Bitcoin 

แม้ว่าในปี 2565 ราคา Bitcoin จะถูกกดดันอย่างหนัก แต่นับต้ังแต่ต้นปี2566 มาจนถึงปัจจุบัน ราคา Bitcoin ได้ปรับตัวสูงขึ้น 150% 

สาเหตุมาจากความคลายกังวลเรื่องท่าทีของ FED ต่อการรับมือเงินเฟ้อว่าจะเป็นในลักษณะผ่อนคลาย (Dovish) มากขึ้น แต่ในด้านพื้นฐานนั้นได้ต่างออกไป ทั้งเรื่อง Hash Rate ของ Bitcoin ที่กลับทำ New High ใหม่เรื่อย ๆ

เทรนด์ Real–world Asset 

ในปีหน้าที่นักวิชาการพูดถึงกันเยอะ คือเทรนด์ที่น่าจับตามองคือการใช้ “สินทรัพย์ในโลกจริง (Real–world Asset)” มาประสานรวมเข้ากับ DeFi เช่นการใช้เงินในคลังของ MakerDAO ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ การนำอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ DAI และการทำ Tokenization หุ้นกู้เป็นเหรียญเพื่อให้นักลงทุนใน DeFi ของOndo Finance ที่ได้รับการสนับสนุนจาก BlackRock และ Coinbase 

ทำให้ปีนี้ มีหลายโปรเจคต์ที่สะท้อนถึง การประสานกันมากขึ้นระหว่าง Traditional Finance และ Decentralized Finance

แบรนด์ชั้นนำเข้าสู่ตลาด NFT 

กระแสศิลปินที่สามารถขายผลงาน NFT แล้วได้กำไรมหาศาลจนดึงดูดศิลปินให้มาสร้างสรรค์ผลงานบน Blockchain มากขึ้นถือเป็นกระแสที่มาแรงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนช่วงกลางปีที่แล้ว เริ่มเห็นขาลงของตลาด NFT มีเพียงไม่กี่โปรเจกต์เท่านั้นที่ยังอยู่รอด และหลายโปรเจกต์ที่ถอนตัวออกไป

แต่สำหรับแบรนด์สินค้านั้นมอง NFT ในมุมที่แตกต่างออกไปและเห็นว่าเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์และลูกค้า โดยปี 2566 ก็มี Posche ที่เข้าสู่วงการ NFT และ Ferrrari ก็ประกาศว่ามีแผนเช่นกัน ดังนั้นปีนี้เราจะได้เห็นตลาด NFT มีความคึกคักมากขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมกันกับ Use case ใหม่ ๆ ที่ทำให้แต่ละบริษัทจะนำมาประยุกต์ใช้ NFT เข้ากับแบรนด์ตัวเอง

ปฎิวัติระเบียบคริปโท

Regulation หรือกฎเกณฑ์ข้อบังคับจากภาครัฐ เราเห็นได้จากการเข้มงวดเรื่อง Stablecoin มากขึ้นหลังจาก UST ของ Terra มูลค่าแทบจะเหลือ 0 ดอลลาร์สหรัฐ และการมาเห็น FTX รวมถึง CeFi ต่าง ๆ ประกาสล้มละลายจำนวนมาก ทำให้ ก.ล.ต. และหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ต้องเข้ามาทำหน้าที่ปกป้องผู้บริโภคไม่ให้เจอเหตุการณ์เหล่านี้อีก 

ดังนั้นเราจะเห็นการฟ้องร้องหรือการออกข้อบังคับต่าง ๆ ที่บีบให้บริษัทหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ แสดงความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

เมื่อกลางปี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) หรือ SEC ของสหรัฐฯ ยื่นคำร้องฟ้องขอสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของ Binance US ในข้อหาละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์

ต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน CZ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Binance ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการยุติคดีความ หลังจากที่แพลตฟอร์มโดนตั้งข้อหาจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่ามีการละเมิดกฎการต่อต้านการฟอกเงิน พร้อมค่าปรับแพลตฟอร์มมูลค่ากว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

ต้นตอปัญหาคริปโทล่มเริ่มเข้าสู่บทสรุป

โด ควอน 

ตลอดทั้งปี 2566 โด ควอน อดีตประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs เจ้าของโปรเจกต์ Terra อยู่ในระหว่างการพิจารณาในต่างแดน โดยในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถูกตัดสินจำคุก หลังจากถูกควบคุมตัวในประเทศมอนเตเนโกรเป็นระยะเวลา 4 เดือน โทษฐานปลอมแปลงเอกสารการเดินทาง เพื่อรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีในประเทศเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จากการสร้างความเสียหายกับแพลตฟอร์ม Terra เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ 

แซม แบงก์แมน ฟรีด

แซม แบงก์แมน ฟรีด อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง FTX ถูกตัดสินจากศาลนิวยอร์กของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน อาจมีโทษจำคุกนาน 110 ปี จากการมีความผิดในข้อหาฉ้อโกง การยักยอกเงิน และสมรู้ร่วมคิดทางอาญา รวม 7 ข้อหา 

Zipmex ประเทศไทย

ก.ล.ต. สั่ง Zipmex แก้ไขเงินสถานะเงินกองทุน หลังตรวจพบไร้สภาพคล่อง ย้ำลูกค้าต้องถอน-โอนสินทรัพย์เป็นเงินบาทได้ และต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ

หลังจากนั้น Zipmex เอ็กซ์เชนจ์คริปโทไทย ประกาศระงับการเทรดชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาโดยลูกค้าสามารถถอนสินทรัพย์ออกจาก Trade Wallet ผ่านทางหน้าเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ได้ถึง 31 ม.ค.67

 โดย zipmex ได้ออกมาเสนอคืนเงินสูงสุด 3.35% ของเจ้าหนี้ ซึ่งเงินดังกล่าวจะมาจากสินทรัพย์ที่รวบรวมได้ โดยZipmex ประเทศไทย มีเจ้าหนี้ที่เป็นลูกค้ารวม 83,298 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้รวม 98 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาท 

และล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้ มีความผิดข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ล่าสุดกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ปัจจัยหนุน ขาขึ้นบิตคอยน์2024

หลังจากตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอยู่ในช่วงขาลงหรือ Bear market มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 ล่าสุดตลาดเริ่มกลับมามีความหวังเกี่ยวกับขาขึ้นรอบใหม่ที่มีโอกาสเริ่มขึ้นในปี 2567แล้วปัจจัยอะไรบ้างที่อาจเป็นตัวสนับสนุนให้เข้าสู่ขาขึ้นรอบต่อไป

1.Bitcoin Halving

   เหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2567 ก็คือ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ซึ่งถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณช่วงเดือนเมษายน 2567

2.Bitcoin Spot ETFs

    บรรดากองทุนชื่อดังทั่วโลกต่างกำลังผลักดันให้เกิดกองทุน Spot Bitcoin ETF ไม่ว่าจะเป็น BlackRock หรือFidelity แต่ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐ ได้เลื่อนการตัดสินใจอนุมัติกองทุนออกไปยังเดือนมกราคม ปี 2567

3.Ethereum 2.0

    นับตั้งแต่ Ethereum 2.0 หรือ Serenity ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2020 ตลาดก็ตื่นเต้นกับการมาของมันมาโดยตลอด 

เพราะจะเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ Ethereum ที่คาดกันว่าจะสามารถก้าวข้ามปัญหาอย่างการขยายขนาดได้ เนื่องจาก Ethereum นับเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนขนาดใหญ่ที่มีการแอคทีฟของผู้ใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ DeFi, GameFi, หรือ NFT หากมีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ตลาดก็ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาด้วยนั้น

4. Layer 2

    อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตาในปี 2024 ก็คือ การเติบโตของเครือข่าย Layer 2 อย่าง Optimism, Polygon, Immutable เป็นต้น

5.Web3

     Web3 เป็นหนึ่งในแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเว็บสำหรับเทรนด์ของ Web3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2567 คือจะเริ่มเห็นเว็บไซต์ประเภท X-to-Earn มากขึ้น เช่น Move-to-Earn, Learn-to-Earn ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการยอมรับเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นวงกว้างมากขึ้น