ลาว เล็งถอนใบอนุญาตธุรกิจ ‘เหมืองขุดคริปโท’ จี้จ่ายภาษีกว่า 715 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ประกาศว่าจะระงับ หรือเพิกถอนใบอนุญาตธุรกิจคริปโทที่ยังไม่ชำระภาษีกว่า 715 ล้านบาท จากบริษัทบล็อกเชน 15 แห่ง ที่ประกอบธุรกิจเหมืองขุดคริปโท และแพลตฟอร์มเว็บเทรดคริปโท คาดได้รับชำระครบภายในสิ้นปี 2567
ตามรายงานเมื่อวันที่ 9 พ.ย. โดยสำนักข่าว Xinhua News ของจีน รายงานโดยอ้างถึงสำนักข่าวท้องถิ่น Lao People’s Army News ระบุว่า ผู้ให้บริการธุรกิจคริปโทในประเทศ ต้องชำระภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำนวนกว่า 20 ล้านดอลลาร์หรือราวๆ715 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ลาวได้อนุมัติใบอนุญาตด้านคริปโทให้บริษัทบล็อกเชน 15 แห่ง ที่ประกอบธุรกิจเหมืองขุดคริปโท และแพลตฟอร์มเว็บเทรดคริปโท เพื่อขยายแหล่งรายได้ของรัฐบาล
นาย สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ระบุว่า มีบริษัทคริปโท 2 แห่งในโครงการไม่มีความคืบหน้าด้านการชำระภาษี ในขณะเดียวกัน บริษัทคริปโทอื่นๆก็ขาดการจ่ายเงินให้กับรัฐเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลมีออกข้อกำหนดด้านภาษี ราคาของสกุลเงินดิจิทัลปรับตัวลดลง 50% ดังนั้นลาวจะปรับลดภาษีที่บริษัทคริปโทค้างชำระอยู่ลง 50% เช่นกัน
ด้วยการตัดสินใจดังกล่าว บริษัทต่าง ๆ ก็เริ่มมีการชำระค่าธรรมเนียม และคาดว่าค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะได้รับการชำระให้ครบถ้วนภายในสิ้นปีนี้ ตามที่ นายสอนไซ กล่าว
พร้อมทั้งเตือนด้วยว่า บริษัทที่ยังเพิกเฉยจะถูกระงับการดำเนินงานหรือถูกปรับ หรือเพิกถอนใบอนุญาต
UPA บริษัทไทยลุยเหมืองคริปโทในลาว
โดยมีบริษัทในประเทศไทยที่ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศลาว ได้แก่ บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชียจำกัด (มหาชน) (UPA) ที่เข้าลงทุนด้วยวงเงิน 820 ล้านบาท ในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี หรือการขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Mining) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประเภทโรงงานและเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซี (Plant Company) เมื่อไตรมาส 3 ปี 2565
โดยลงทุนผ่านบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ในประเทศสิงค์โปร์ในฐานะ holding company (Singapore Holding for Plant Company) โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุนในสัดส่วน 100%
ทั้งนี้ Plant Company จะเข้าทำสัญญาบริหารจัดการเหมือง (Crypto Mining Management Agreement) กับOperating Company หรือ Lao Crypto Mining Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตสำหรับการทำธุรกิจเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี และเป็นบริษัทที่บริษัทฯ ลงทุน 50% ผ่านบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นในประเทศสิงค์โปร์ในฐานะ holding companyและ AIF Digital Asset Holding Sole Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมกับ AIFGroup Sole Co., Ltd. (AIF) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม AIF Group ตามที่ได้รับอนุมัติไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ AIF ยังได้รับสิทธิในการใช้ใฟฟ้าเพื่อประกอบธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีอีกจำนวน 20 เมกกะวัตต์ด้วย
อย่างไรก็ดี รายงานไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทคริปโทที่มีการค้างชะรำค่าธรรมเนียมและภาษีต่อรัฐบาลลาวแต่อย่างใด
อ้างอิง : cointelegraph