ซีอีโอบิทคับ หนุนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อไทย สานนโยบายบล็อกเชนแห่งชาติ

ซีอีโอบิทคับ หนุนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อไทย สานนโยบายบล็อกเชนแห่งชาติ

ซีอีโอบิทคับ เปิดเผยมุมมอง สนับสนุน "เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อไทย" ที่ดึงจุดเด่นของบล็อกเชนนำเสนอความโปร่งใส-ตรวจสอบได้-ไม่มีตัวกลาง สานนโยบาย "บล็อกเชนแห่งชาติ" ให้ Digital Wallet เป็นจริง ชูอีโคซิสเต็มบิทคับพร้อมผสานเทคโนโลยีร่วมสู่อนาคตเศรษฐกิจดิจิทัล

วันที่ 25 สิงหาคม 2566 ‘ต้น’ นายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยมุมมองต่อนโยบาย ‘เงินดิจิทัล 10,000 บาท’ ของพรรคเพื่อไทย ที่แสดงถึงการสนับสนุนในการหยิบเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้งาน ผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) ส่วนตัวความว่า

จุดเริ่มต้น Cashless Society

"เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป ให้ชุมชน

เพลงโฆษณายอดฮิตของธนาคารกรุงไทย เมื่อปี 2543 ที่ร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง ตั้งแต่วันนั้น จวบจนวันนี้ คงต้องให้เครดิตธนาคารกรุงไทย, ITMX และรัฐบาลลุงตู่ ก่อนว่า “App เป๋าตังค์ , "Promptpay” โครงการเราชนะ และ โครงการคนละครึ่ง ก็ได้ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนสะพัด ตั้งแต่ยุคโควิดเป็นต้นมา ทำให้ประเทศไทยเกิด Cashless Society ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

ดึงจุดเด่นบล็อกเชน

แต่เคยสงสัยกันไหม สโลแกนที่ว่า "เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป ให้ชุมชน" สุดท้ายแล้ว มันคือ "เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป ให้นายทุน " หรือเปล่า?? เศรษฐกิจมันจะอยู่กันแค่ รวยกระจุก จนกระจาย กันแบบนี้ไปอีกจริงๆ เหรอ?

ดังนั้นโอเค...... มันกำลังจะไม่เหมือนเดิมใช่มั้ย??.... เพราะตอนนี้ พรรคเพื่อไทย กำลังจะทำโครงการแจกเงิน Digital Wallet 10,000 บาท ด้วย Technology Blockchain... ซึ่งในเมื่อมันเป็น Blockchain Wallet จุดเด่นสำคัญของ Blockchain คือเชื่อถือได้ (Trustable) ไม่มีตัวกลาง (Decentralized) และที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส (Transparency) ( โดยนโยบายจากพรรคเพื่อไทย บอกไว้ว่า **** กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม **** )

ดังนั้นเมื่อมันเป็น Blockchain เราควรที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินใน Digital Wallet มีใครถืออยู่บ้างแบบ Annonymous จะมีระบบที่คล้ายๆ Explorer , Etherscan ซึ่งจะสามารถเห็นได้เลยว่า เงินที่เราโอนไป มันโอนให้กับร้านนี้ ห้างร้านนี้ มีคนโอนมาเยอะแค่ไหนอย่างไร (เพื่อความ Privacy เราอาจจะเห็นเฉพาะ ชื่อบริษัท หรือร้านค้า ที่ลงทะเบียน Digital Wallet ไว้) เมื่อจบ 6 เดือน สุดท้ายเงินมันควรจะไม่ไปกองอยู่กับแค่ พ่อค้าคนกลาง หรือ บริษัทห้างร้าน ยักษ์ใหญ่ในประเทศเท่านั้น ใช่ไหม? มันควรจะต้องเป็น Public Blockchain ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ยิ่งถ้ามันมี Public Explorer ให้ตรวจสอบได้ นี่คงจะสุดยอดมาก

แอพเป๋าตังไม่ตอบโจทย์ความโปร่งใส

ต่อมา ก็ยังคงมีหลายๆ คนตั้งคำถามกันมาเยอะว่า ในทาง Technical ทำได้จริงหรือ? ทำไมต้องใช้ Blockchain แค่ไปใช้แอพเป๋าตังค์ก็จบแล้วหรือเปล่า? ผมจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ ถ้านโยบายออกมาแบบนี้ แอพเป๋าตังค์ ไม่ตอบโจทย์แน่ๆ ไม่ใช่ว่ามันไม่ปลอดภัย ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อใจ แต่เพราะว่ามันไม่โปร่งใส ตามนโยบายที่ต้องการ พรรคเพื่อไทย ต้องการทำให้เศรษฐกิจ เงินไม่กระจุกตัว ไม่มีใครได้ผลประโยชน์มากที่สุด โปร่งใส เงินควรจะถูกกระจายให้พี่น้องประชาชนได้ มากที่สุด Blockchain ไม่ใช่แค่คำโก้หรู แต่มันมีประโยชน์จริงๆ ถ้าทำจริงๆ จังๆ ไม่ใช่แค่โฆษณา ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่า ใครจะทำ Blockchain นี้ แล้วทำได้จริงไหม พร้อมแค่ไหน

วงการบล็อกเชนหวัง Digital Wallet เป็นจริง

อีกเรื่องคือ Digital Wallet 1 บัญชี 1 บัตรประชาชน นี่คือสิ่งที่ผม และพี่ๆ น้องๆ ในวงการ FinTech หลายๆ คนต้องการมาตั้งนานแล้ว ผมก็หวังว่ามันจะมาพร้อมข้อมูล KYC ที่อยู่ใน Digital Wallet จะได้ไม่ต้องมานั่ง Dipchip ยืนยันตัวตนกันอีกแล้ว เพียงแค่ใช้ Digital Wallet ก็ยืนยันตัวตน เหมือน Dipchip ได้ทันที นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึง ที่ Fintech startup ในไทยไม่เกิด เพราะแค่ระบบยืนยันตัวตน KYC ก็มีค่าใข้จ่ายสูงมาก หลัก 100 บาท up ต่อคน ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกันหมด

นโยบาย Blockchain แห่งชาติ

ผมมองว่านี่คือเหมือนเป็นนโยบาย Blockchain แห่งชาติ ที่ทุกคนจะได้ใช้ร่วมกัน ถึงแม้ Bitkub เองจะมี Blockchain ของตัวเองที่ชื่อว่า Bitkub Chain เราก็พร้อมที่จะเชื่อมต่อ Blockchain แห่งชาติ เป็น sidechain ให้กับคนไทยได้ใช้ Digital Asset Wallet ในด้านต่างๆ เช่น NFT Wallet เพียงแค่ผูกกับ Digital Wallet เข้ากับ Bitkub Next ก็เชื่อมได้เลย

อีกทั้ง Product หลายๆ อย่างของเราที่ไปสอดคล้องกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยประกาศ ทั้ง Platform Learn To earn เราก็ทำแล้ว ตลาด NFT ตลาดแรก First Market เราก็ทำแล้ว จะให้ Adapt ไป Tokenize Real Assets หรือแม้แต่ผลิตผลทางการเกษตรก็ทำได้ทันที

ดังนั้นมันคงต้องมองอนาคตกันแบบยาวๆ แล้วว่า เมื่อมี Digital Wallet , Blockchain แห่งชาติ เราจะเกิดธุรกิจอะไรต่อยอดกันได้อีกบ้าง 1 ครอบครัว 1 Softpower นโยบายของท่าน มันจะเกิดไม่ได้เลยกับเงินแค่ 10,000 บาท มันก็ต้องมีการระดมทุน แต่ระดมทุนผ่าน NFT ได้ไหม? ชาวบ้านตาดำๆ มีลูกสาวมีความสามารถร้องเพลง สุดยอด โพส youtube ขอเงินทุนทำ MV หรือขอระดมทุนผ่าน Digital Assets ได้เลยไหม SEC Digital ที่บอกว่าจะตั้งขึ้นมาใหม่ก็จะเข้ามากำกับดูแลได้เลยใช่หรือไม่??

อนาคตเศรษฐกิจ Digitalไทยสู่สากล

สุดท้ายนี้ ผมชอบประโยคที่คุณเผ่าภูมิ ได้พูดปิดท้ายในงานแถลงนโยบายพรรคเพื่อไทยไว้ว่า

ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลาง การระดมทุนด้วย Digital Assets

ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลาง Fintech

ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลาง Blockchain

ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ Digital ของภูมิภาค

นั้นหมายความว่ารายได้มหาศาลจะเป็นทวีคูณ จะเข้ามาสู่ประเทศ จะเกิดการสร้างงาน การจ้างงานจำนวนมหาศาล

สิ่งที่ท่านพูดผมคิดว่าไม่เกินจริง พวกเราบริษัทเอกชนไทย ไม่ใช่แค่ Bitkub แต่เป็นทุกๆ คน สามารถตอบรับทำ ตอบสนองโจทย์ นโยบายของพรรคเพื่อไทยได้ทันที เพราะนี่คืออนาคตของประเทศไทยที่พวกเราอยากจะให้มันเกิดขึ้นจริงๆ ครับ หวังว่าท่านจะมุ่งมั่นและจริงจังทำให้ได้ เหมือนที่ท่านเคยประกาศนโยบาย แล้วทำได้จริง เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ซีอีโอบิทคับ หนุนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อไทย สานนโยบายบล็อกเชนแห่งชาติ ซีอีโอบิทคับ หนุนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อไทย สานนโยบายบล็อกเชนแห่งชาติ

ซีอีโอบิทคับ หนุนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อไทย สานนโยบายบล็อกเชนแห่งชาติ

สรุปได้ว่า ‘สกลกรย์’ ได้เปรียบเทียบนโยบายดังกล่าว กับแอปพลิเคชันเป๋าตังของรัฐบาลก่อนหน้า พร้อมกับชี้ว่าแอปดังกล่าวจะไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากตามนโยบายแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องการให้เกิดความโปร่งใสในการใช้งาน ซึ่งมีจุดประสงค์ให้เศรษฐกิจไม่กระจุกตัว และไม่มีผู้ใดได้ผลประโยชน์มากที่สุด  รวมทั้งมุมมองด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่นโยบายนี้จะสามารถผลักดันประเทศไทยแข่นขันในภูมิภาคได้