สิงคโปร์-ฮ่องกง ผู้นำกฎหมาย'คริปโท'ชัด หนุนเอเชียได้เปรียบเหนือ 'สหรัฐ'

สิงคโปร์-ฮ่องกง ผู้นำกฎหมาย'คริปโท'ชัด หนุนเอเชียได้เปรียบเหนือ 'สหรัฐ'

สิงคโปร์-ฮ่องกง เป็น 2 ประเทศผู้นำกฎหมาย'คริปโท'ชัดเจน ในการออกกฎระเบียบควบคุมและเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทต่างๆในอุตสาหกรรมและผู้ใช้งาน นักลงทุน หนุน 'เอเชีย' ได้เปรียบเหนือ สหรัฐ ที่เคยเป็นตลาดคริปโทอันดับ 1 หลังกฏหมายขาดความชัดเจน ผลักดันบริษัทคริปโทออกนอกประเทศ

Key Point:

  • สิงคโปร์-ฮ่องกง ผู้นำตลาดคริปโทที่มีการควบคุมชัดเจนในเอเชีย
  • อุตสาหกรรมคริปโทในสหรัฐไม่มีความชัดเจนสำหรับแนวทางการกำกับดูแล
  • สิงคโปร์ พูดชัดศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ใช่เก็งกำไร

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงาน ภูมิภาค"เอเชีย"กำลังส่งเสริมความชัดเจนของตลาด"คริปโท" ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดคริปโทที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสิ่งนี้อาจทำให้ภูมิภาคเอเชียน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุน 

เบญ เจริญวงศ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก National University of Singapore Business School กล่าวว่า กฎข้อบังคับเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลในเอเชียเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วและมีความชัดเจนมากขึ้น เคลื่อนตัวได้ดีมากกว่าในสหรัฐ “สิ่งนี้ทำให้เอเชียกลายเป็นสถานที่ชั้นนำสำหรับนวัตกรรมฟินเทคจำนวนมาก” 

  • ฮ่องกง

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ฮ่องกงได้เปิดการซื้อขายคริปโท อย่างเป็นทางการสำหรับนักลงทุนรายย่อยและอัปเกรดใบอนุญาตของการแลกเปลี่ยน 2 แห่ง ได้แก่ HashKey และ OSL ที่สามารถขยายธุรกิจไปสู่นักลงทุนรายย่อยได้แล้ว

เลนนิกซ์ ไล (Lennix Lai) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าระดับโลกของเว็บเทรด OKX กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์เสมือนกำลังกลายเป็นประเภทสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับ โดยมีสถานะการกำกับดูแลที่คล้ายคลึงกันกับประเภทสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน ทำให้ฮ่องกงมีความน่าสนใจมากขึ้นในฐานะ "ศูนย์กลางสินทรัพย์เสมือนจริง" หรือ virtual assets ระดับโลกที่มีศักยภาพ และขณะนี้ OKX กำลังยื่นขอใบอนุญาตซื้อขายสินทรัพย์เสมือนในฮ่องกง

อ่อง เฉิงอี้  (Ong Chengyi) หัวหน้าฝ่ายนโยบายของ CHAINALYSIS กล่าวว่า

"ฮ่องกงและสิงคโปร์มีความคล้ายคลึงกันในแง่ของ แนวทางและมาตรฐานการกำกับดูแลที่อยู่ในระดับสูง"

ปีที่แล้วฮ่องกงได้ตระหนักถึง "ศักยภาพของเทคโนโลยี DLT และ Web 3.0 ที่จะกลายเป็นอนาคตของโลกการเงินและการลงทุน" และคาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสด้วยกฎระเบียบที่เหมาะสม (เทคโนโลยี DLT (Distributed Ledger Technology) คือ เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์)

  • สิงคโปร์

ฟากของธนาคารกลางของสิงคโปร์ ได้ให้ใบอนุญาต Blockchain.com และ Ripple ให้สามารถบริการคริปโทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคริปโท

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยและอินโดนีเซียได้ห้ามการใช้คริปโทสำหรับการชำระเงิน แต่อนุญาตให้เทรดได้

ความวุ่นวายในสหรัฐฯ
ในทางตรงกันข้ามเว็บเทรด Coinbase  และบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Ripple กำลังพัวพันกับคดีความ ระหว่างบริษัทต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกล่าวหาว่า "ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์" ทั้ง Coinbase และ Ripple รวมถึงบริษัทคริปโทได้กล่าวว่าจะออกจากสหรัฐ เพื่อตอบโต้การปราบปรามของ ก.ล.ต.

บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมคริปโทสหรัฐ ต่างประณามสหรัฐ ถึงแนวทางการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ "การขาดความชัดเจน"

ความชัดเจนด้านกฎระเบียบของเอเชีย
ทั่วทั้งภูมิภาคแปซิฟิก สิงคโปร์และฮ่องกงมีความชัดเจนในการดำเนินงานมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรม

เจนิส โก๊ะ (Janice Goh) หุ้นส่วนของ Cavenagh Law กล่าวกับ CNBC เผยว่า สิงคโปร์มีความได้เปรียบรายแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งนำหน้าฮ่องกง ซึ่งไม่มีประเทศใดที่ล้ำหน้าไปกว่านี้ เพราะมีการออกใบอนุญาตขั้นสูงสำหรับคริปโท

Payment Services Act ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกรอบในการควบคุมบริการการชำระเงินและการให้บริการคริปโทแก่สาธารณะ มีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2563

ราวี เมนอน (Ravi Menon) กรรมการผู้จัดการของ MAS กล่าวอย่างชัดเจนว่า สิงคโปร์ต้องการเป็นศูนย์กลางสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ไม่ใช่สำหรับการเก็งกำไรในตลาดคริปโท

เมื่อไม่นานมานี้ ฮ่องกงได้เสนอกฎสำหรับ สเตเบิลคอยน์ Stablecoins ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่ง และกลายเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ในโลกที่ออกกฎหมายควบคุม