ส่อง 3 ปัจจัยบวก ดัน Bitcoin ฟื้นตัว ท่ามกลางวิกฤตตลาด "คริปโท"

ส่อง 3 ปัจจัยบวก ดัน Bitcoin ฟื้นตัว  ท่ามกลางวิกฤตตลาด "คริปโท"

Bitcoin ฟื้นตัว ท่ามกลางวิกฤตตลาด "คริปโท" จาก 3 ปัจจัยบวก หลังธนาคารกลางสหรัฐ หยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว ทำสินทรัพย์เสี่ยง-เงินดอลลาร์ร่วง แต่เป็นผลดีต่อบิตคอยน์ รวมทั้ง Blackrock ยื่นจัดตั้งกองทุน บิตคอยน์ ETF และได้แรงบวกจากกลต.สหรัฐจัด 13 อัลคอยน์เป็นสินทรัพย์

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ได้เผยแพร่รายงานข้อมูล เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 เกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในแต่ละ Exchange ของไทยเทียบกับตลาดโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นข้อมูลเรื่องของ “ผลตอบแทน” ของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566

โดยข้อมูลดังกล่าวได้เผยให้เห็นถึงตัวเลขผลตอบแทนของคริปโท เช่น บิตคอยน์ Bitcoin และ อีเธอเรียม Ethereum ที่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน 55.41% และ 43.60% ตามลำดับ ซึ่งถือว่ามีผลตอบแทนที่สูงมากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะตลาดหุ้น Nasdaq 100 หรือทองคำ

1.เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว ทำสินทรัพย์เสี่ยง-เงินดอลลาร์ร่วง

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 5% และ 5.25% ในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งมีการหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในรอบ 15 เดือน แต่ได้ส่งสัญญาณในการคาดการณ์ใหม่ ๆ ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางต้องตอบสนองต่อเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช้า ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เงินดอลลาร์สูงขึ้นและกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยง

Jarvis Labs สถาบันวิจัยตลาดคริปโท กล่าวว่า การลดลงของเงินดอลลาร์เป็นสิ่งที่ดีสำหรับบิตคอยน์ รวมทั้ง เป็นสาเหตุที่บิตคอยน์และสินทรัพย์เสี่ยงมีช่วงขาขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาดท่ามกลางตลาดหมี ของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY)

2. Blackrock ยื่นจัดตั้งกองทุน บิตคอยน์ ETF

เมื่อไม่นานมานี้ BlackRock (BLK) ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เตรียมจัดตั้ง bitcoin exchange-traded fund (ETF) ซึ่งสร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาดที่ได้รับผลกระทบจากข่าวร้ายหลายเหตุการณ์ติดต่อกัน

โดยกองทุนที่ถูกนำเสนอในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการของสถาบันสำหรับที่ต้องการใช้ bitcoin ซึ่งยังคงแข็งแกร่งหลังจากตลาดหมี และสพท้อนถึงสิ่งที่นักลงทุนเปิดรับบิตคอยน์มากขึ้น และสนับสนุนบิตคอยน์สู่การเงินกระแสหลักที่อยู่ภายใต้การควบคุม

หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ปฏิเสธคำขอหลายรายการสำหรับกองทุน บิตคอยน์ ที่มีการยื่นจัดตั้งจากสถาบันการเงินหลายแห่งก่อนหน้านี้ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมราคา bitcoin แต่อย่างไรก็ดี ผลลัพท์ของ Blackrock อาจประสบความสำเร็จ เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงที่ถูกสร้างขึ้นในแอพพลิเคชัน

3.‘บิตคอยน์’ สินทรัพย์ทางเลือก

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ฟ้อง Binance และ Coinbase (COIN) แพลตฟอร์มคริปโทชั้นนำ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาเสนอสกุลเงินดิจิทัลทางเลือกจำนวนมากเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน แต่ทั้ง 2 คดีไม่ได้กล่าวถึงบิตคอยน์และอีเธอเรียม (ETH)

แมท ฮู (Matt Hu) ซีอีโอของบริษัทจัดการสินทรัพย์ crypto Blofin ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบมุ่งเน้นไปที่นักลงทุนอัลคอยน์ 

altcoins เป็นหลัก ด้วยการเอ่ยถึงอัลคอยน์ 13 เหรียญ ที่ถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งอาจไม่ได้มีผลกระทบต่อ ผู้ถือบิตคอยน์และอีเธอเรียม

อย่างไรก็ตาม เมื่อการฟ้องร้องของ SEC ประสบความสำเร็จ altcoins ทั้งหมดอาจได้รับการยอมรับว่าเป็นหลักทรัพย์และจำเป็นต้องได้รับการควบคุมโดยมาตรฐานหลักทรัพย์ ซึ่งหมายความว่าการซื้อขาย altcoins นอกสหรัฐจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น นอกจากนี้ สภาพคล่องจะกระจุกตัวอยู่ในบิตคอยน์ อีเธอเรียม และเหรีญคริปโทกระแสหลักอื่นๆมากขึ้น