ก.ล.ต.สั่งปรับศูนย์ซื้อขายบิทคับ 3 ราย สร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัล

ก.ล.ต.สั่งปรับศูนย์ซื้อขายบิทคับ 3 ราย สร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัล

ก.ล.ต. สั่งลงโทษทางแพ่ง ปรับ 3 ผู้กระทำความผิด "บิทคับออนไลน์ - อนุรักษ์ เชื้อชัย - สกลกรย์ สระกวี" 75 ล้านบาท กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัล 18 เหรียญในศูนย์ซื้อขายบิทคับ พร้อมกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบเหตุสงสัยว่าอาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขาย Bitkub โดยพบการกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดของบุคคล 3 ราย ได้แก่  (1) บริษัทบิทคับ  (2) นายอนุรักษ์ร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อ หรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อ หรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล  จำนวน 18 เหรียญอันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อ หรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และ (3) นายสกลกรย์ ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัทบิทคับสั่งการ หรือกระทำการ หรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำเป็นเหตุให้บริษัทบิทคับกระทำความผิดดังกล่าว 

บริษัทบิทคับ โดย นายสกลกรย์ได้ทำสัญญา กับนายอนุรักษ์ ให้นายอนุรักษ์ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และได้ให้นายอนุรักษ์ ยืมเงินเพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดังกล่าวซึ่งจากการตรวจสอบของก.ล.ต. พบว่าระหว่างวันที่ 4 มกราคม – 5 กันยายน 2562 นายอนุรักษ์ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีเหรียญอื่นอีก* จำนวน 18 เหรียญได้แก่ ABT ADA  BSV CVC GNT IOST JFIN KNC LINK LTC MANA OMG SNT USDT WAN XLM ZIL และ ZRX โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองในศูนย์ซื้อขาย Bitkub ซึ่งการจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีกันเองในแต่ละเหรียญมีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 74 – 99 ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาดโดยบริษัทบิทคับ และนายสกลกรย์รับทราบถึงการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายของนายอนุรักษ์ แต่ไม่ได้มีการทักท้วงการส่งคำสั่งซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของนายอนุรักษ์ ดังกล่าว 

การกระทำของบริษัทบิทคับ และนายอนุรักษ์ เป็นความผิดฐานส่งคำสั่งซื้อ หรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อ หรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 46(1) ประกอบมาตรา 48(2)(3) แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกันเป็นความผิด 18 กระทง (นับตามจำนวนเหรียญ) 

                ส่วนการกระทำของนายสกลกรย์ เป็นความผิดในฐานะเป็นบุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทบิทคับสั่งการ หรือกระทำการ หรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำเป็นเหตุให้บริษัทบิทคับกระทำความผิดในกรณีข้างต้น ซึ่งต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 94 ประกอบมาตรา 46(1) ประกอบมาตรา 48(2)(3) แห่งพ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดฉบับเดียวกันเป็นความผิด 18 กระทง (นับตามจำนวนเหรียญ)

                คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) พิจารณาการกระทำของผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายซึ่งเป็นความผิดอาญาที่มีพฤติการณ์การกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับกรณีก่อนหน้าที่ ค.ม.พ. ได้มีมติให้ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายกรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 4 เหรียญ ได้แก่ BTC BCH ETH และ XRP* ซึ่งรวมแล้วผู้กระทำความผิดได้สร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 22 เหรียญ 

                ในกรณีนี้ ค.ม.พ. มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายตามควรแก่กรณีโดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งได้แก่ ค่าปรับทางแพ่งชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดมาตรการห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และมาตรการห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้ 

               (1)  ให้บริษัทบิทคับชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 25,003,747 บาท 

               (2)  ให้นายอนุรักษ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 25,003,747 บาท กำหนดมาตรการห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเวลา 4 เดือน และห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารเป็นเวลา 8 เดือน

               (3) ให้นายสกลกรย์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 25,003,747 บาท และให้นายสกลกรย์ ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ดำเนินการกับบริษัทบิทคับอย่างลูกหนี้ร่วมตามมาตรา 99 แห่งพ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ประกอบมาตรา 317/11 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 พ.ศ.2559 นอกจากนี้ ค.ม.พ. ได้กำหนดมาตรการห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเวลา 4 เดือน และห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารเป็นเวลา 8 เดือน

                การกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และการกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้น จะมีผลนับต่อจากวันสุดท้ายของระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารที่ ค.ม.พ. กำหนดในกรณีก่อนหน้าดังกล่าว 

                หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

                ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์