นักลงทุน "สเตเบิลคอยน์" ได้ประโยชน์ "เงินบาทอ่อนค่า" สุดในรอบ 16 ปี

นักลงทุน "สเตเบิลคอยน์" ได้ประโยชน์ "เงินบาทอ่อนค่า" สุดในรอบ 16 ปี

"เงินบาทอ่อนค่า" สุดในรอบ 16 ปี ฟอร์เวิร์ด เผยนักลงทุนที่ถือ "สเตเบิลคอยน์" ตั้งแต่ก่อนเงินบาทอ่อนค่าได้ประโยชน์ จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่นักลงทุนที่เข้าซื้อเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีในขณะนี้ จะเสียประโยชน์จากการซื้อเหรียญในราคาที่แพงกว่าตลาดโลก

ราคาเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อ้างอิงราคาดอลลาร์ เหรียญสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี USDT ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุระดับราคา 37 บาท เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 

นายชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Forward Holdings (ฟอร์เวิร์ด โฮลดิ้งส์) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่า มีผลกระทบต่อนักลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์

 

ค่าเงินบาทอ่อนค่าจากระดับ 33 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 37 ต่อ 1 ดอลลาร์ และอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนที่ถือเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อิงตามราคาดอลลาร์ เช่น 1 เหรียญยูเอสดีที (USDT) เท่ากับ 1 ดอลลาร์ตั้งแต่ช่วงก่อนที่ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าได้รับประโยชน์

แต่สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาลงทุนในบิตคอยน์ หรือสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีไม่ว่าเหรียญใดก็ตามในช่วงนี้ จะเสียประโยชน์จากการซื้อเหรียญในราคาที่แพงกว่าตลาดโลก จากการเทรดในประเทศไทยมักเทรดในสกุลเงินบาทในการซื้อขาย 

อย่างไรก็ตาม ตามหลักมูลค่าทรัพย์ ราคาบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ จะเพิ่มขึ้นเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า แต่ด้วยสถานการณ์ในตลาดโลกที่เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และดึงเงินออกไปจากตลาดทุน รวมถึงตลาดคริปโทฯ ทำให้ราคาตลาดคริปโทฯ ปรับตัวลดลง

โดย ค่าเงินบาทวันที่ 22 ก.ย.2565 เคลื่อนไหวที่ระดับ 37.33 บาทต่อดอลลาร์ หรือคิดเป็นการอ่อนค่าราว 0.35% จากวันก่อนหน้า ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% สู่ระดับ 3.00 - 3.25% ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์