“เปิดมุมมองปัญหาและอุปสรรค “ภาษีคริปโทฯ” หน้าที่ของนักลงทุนและสรรพากร”

“เปิดมุมมองปัญหาและอุปสรรค “ภาษีคริปโทฯ” หน้าที่ของนักลงทุนและสรรพากร”

เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมากยิ่งขึ้น มาเปิดมุมมองและถกประเด็นที่น่าคิดและน่าคุยอย่างเรื่องภาษีคริปโทฯ หน้าที่ตามกฎหมายของนักลงทุน และสรรพากรที่จะต้องเข้มงวดเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้หลบเลี่ยงภาษี

ในบทความนี้ขอยกกรณีศึกษาของ Internal Revenue Service (IRS) หรือหน่วยงานสรรพากรแห่งสหรัฐอเมริกา มีข้อมูลสำรวจเมื่อปึ 2564 ว่า 13.7% ของประชากร หรือ 46 ล้านคน ถือครองคริปโทเคอร์เรนซี่* ต้องเท้าความปัญหาก่อนว่า ก่อนหน้านี้ทางสรรพากรสหรัฐหรือ IRS นั้น ไม่ได้บังคับหรือมีกรอบการกำกับดูแลสำหรับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลอย่างชัดเจน

แต่ IRS กำหนดให้เหล่านักลงทุนที่ทำกำไรได้จากการเทรดคริปโทฯ กรอกตัวเลขและคำนวณด้วยความสมัครใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ นักลงทุนเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการกรอกตัวเลขเหล่านั้น บางกลุ่มก็สงสัยในเรื่องของตัวเลขว่าจะต้องมากน้อยเพียงไรกับการที่จะต้องจ่ายภาษีให้หน่วยงานภาครัฐ เพราะก็ไม่ได้มีหน่วยงานการเงินหรือเครื่องมือช่วยคำนวณ นั่นนับเป็นอุปสรรคหนึ่งของผู้ลงทุน หรืออีกกลุ่มหนึ่งก็เลือกที่จะยอมเปลี่ยนสัญชาติไปสู่ประเทศที่ไม่ต้องเสียภาษีคริปโทฯ เลย 

มีข้อมูลจากธนาคาร Barclays PLC ซึ่งเป็นธนาคารข้ามชาติได้ระบุว่า ในเดือนพฤษภาคม 2565 นักลงทุนคริปโทฯ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือชำระภาษีคริปโทฯ มากถึงครึ่งหนึ่งจากสัดส่วนผู้ลงทุนทั้งประเทศ ด้วยเหตุการณ์นั้น ทาง IRS จึงต้องพยายามติดต่อมายังแพลตฟอร์มหรือกระดานเทรดคริปโทฯ ยักษ์ใหญ่ เช่น Coinbase, Kraken และ Circle

เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานและสามารถนำตัวเลขหรือรายการทำธุรกรรมมาอ้างอิงได้ ทางแพลตฟอร์มเทรดเองก็ยินยอมที่จะให้ความร่วมมือ แต่ต้องมีหมายศาลมาก่อน เนื่องจากฝั่งแพลตฟอร์มก็ไม่ต้องการที่จะมีปัญหากับผู้ใช้งานในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และความเป็นส่วนตัวของธุรกรรมคริปโทฯ (Privacy of Crypto Transactions) 

แน่นอนว่าทาง IRS ต้องแก้เกมให้ทันกับผู้ที่คิดจะเลี่ยงภาษี และมุ่งมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย (Law enforcement) ทั้งต้องพัฒนาเทคโนโลยีหรือเครื่องมือมาช่วยคำนวณเพื่อยื่นภาษีสำหรับนักลงทุนคริปโทฯในสหรัฐฯ ซึ่งส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น – วัยทำงานที่มีช่วงวัยตั้งแต่ 18 – 44 ปี พวกเขาต้องการที่จะจ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐกำลังสำรวจวิธีการหลีกเลี่ยงภาษีผ่านความเป็นส่วนตัวของธุรกรรมคริปโท 

ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเติบโตขึ้นขึ้น และนักลงทุนก็ทำกำไรจากมันได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังพยายามเก็บภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้น หากรัฐบาลร่วมมือกับแพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโทฯ มองว่าจะช่วยผนึกกำลังได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ แต่ละประเทศควรใช้เวลาศึกษาข้อมูลของอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีก่อนค่อยตัดสินใจ เพราะการขาดความชัดเจนของกฎหมาย (regulatory clarity) บ่อยครั้งนำไปสู่การขาดการปกป้องนักลงทุน และประเทศก็ไม่ได้ผลประโยชน์เต็มที่จากอุตสาหกรรมคริปโทฯ ทั้ง ๆ ที่ คริปโทฯ ก็สามารถเป็นอีก Asset ของประเทศได้ เฉกเช่นเดียวกับสกุลเงินต่าง ๆ  

อ้างอิง: https://triple-a.io/crypto-ownership-america/