Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 17 November 2025

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 17 November 2025

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ท่ามกลางการกลับมาทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ และความตึงเครียดจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 17 November 2025

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (14 – 20 พ.ย. 68)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำเนื่องจากคณะรัฐบาลสหรัฐฯลงมติเห็นชอบรับร่างงบประมาณชั่วคราว ภายหลังการปิดทำการชั่วคราวที่ถูกยืดเยื้อมามากว่า 40 วัน ทางด้านสถานการณ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากกองทัพเวเนซุเอลาเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ ทำการโจมตีเวเนซุเอลา ภายหลังสหรัฐฯ เพิ่มกำลังพลทหารและยุทโธปกรณ์เข้ามาในภูมิภาคเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติด

แม้ต่อมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพิจารณาโจมตีพื้นที่เวเนซุเอลาก็ตาม ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซีเรียมีแนวโน้มดีขึ้น   จากการพบปะของผู้นำทั้งสอง ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งอาจนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายตามที่ทั้งสองประเทศตั้งเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตามองการดำเนินการของสหรัฐฯ ต่อมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัท Rosneft และ Lukoil ของรัสเซียที่ใกล้ถึงเส้นตายที่สหรัฐฯ ได้กำหนดไว้ในวันที่ 21 พ.ย.  นอกจากนี้ ตลาดยังคงดูท่าทีของกลุ่มโอเปคพลัส หลังจากรายงานของกลุ่มโอเปคพลัสสะท้อนให้เห็นถึงอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด

 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

•  รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถยุติการปิดทำการชั่วคราว (Government shutdown) และกลับมาทำการได้อีกครั้งเนื่องจากวุฒิสภาได้ลงคะแนนเสียงรับมติร่างงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียง 60-40 ผ่านการสนับสนุนของพรรคเดโมแครตสายกลาง และได้รับการอนุมัติร่างงบประมาณชั่วคราวจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียง 222-209

ทั้งนี้ การกลับมาทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการต่อได้หลังต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว อีกทั้ง ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน จากความต้องการการใช้น้ำมันอากาศยานที่อาจจะกลับมาอีกครั้ง หลังมีการยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 10,000 เที่ยว ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการชั่วคราว

นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสนใจต่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะถูกปิดเผยภายหลังการกลับมาทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ร่างงบประมาณชั่วคราวดังกล่าวจะต่ออายุการใช้งบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ ไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 69 เท่านั้น ทำให้ตลาดยังคงต้องจับตามองถึงสถานการณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

• สถานการณ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากกองทัพเวเนซุเอลาเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ เริ่มทำการโจมตีเวเนซุเอลา โดยการเตรียมการของเวเนซุเอลาเกิดขึ้นหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงข้อเสนอความเป็นไปได้ที่จะเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในเวเนซุเอลา

หลังจากมีการโจมตีเรือที่ถูกกล่าวหาว่าลักรอบขนยาเสพติดในบริเวณทะเลแคริบเบียน รวมถึงการเพิ่มกำลังพลทหารและยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ เข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น แม้ต่อมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพิจารณาโจมตีในพื้นที่เวเนซุเอลาก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี หากสหรัฐฯ เปิดฉากการโจมตีในพื้นที่ของเวเนซุเอลา อาจจะส่งผลทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัว

•  ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซีเรียมีแนวโน้มดีขึ้นจากการพบปะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายอาห์เหม็ด อัล-ชารา ประธานาธิบดีซีเรีย ณ กรุงวอชิงตัน ภายใต้การพบกันของผู้นำทั้งสองประเทศ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวยกย่องและแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือซีเรียอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ การพบปะกันนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรตามกฎหมายซีซาร์ และต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจซีเรียรวมถึงต้องการให้ซีเรียเข้าถึงความช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งก่อนหน้าในช่วงเดือน พ.ค. 68 สหรัฐฯ ได้มีการขยายระยะเวลาบังคับใช้ไปอีก 180 วัน ทั้งนี้ การให้ความสนใจต่อซีเรียจากผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามรักษาข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา

และต้องการผลักดันแผนสันติภาพ 20 ข้อต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส หากความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดมากขึ้น อาจทำให้แผนสันติภาพ 20 ข้อ เพื่อยุติสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสของสหรัฐฯ เป็นไปได้ด้วยความราบรื่นจากการสนับสนุนของซีเรียได้

•  ตลาดจับตามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อบริษัท Rosneft และ Lukoil ที่จะมีเส้นตายในวันที่ 21 พ.ย. โดยมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความล้มเหลวในการเจรจาของผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำรัสเซียในช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา

โดยมาตรการคว่ำบาตรนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียประมาณ 2.7 ล้านบาร์เรล/วัน และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปอีก 0.9 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น 70-80% ของการส่งออกน้ำมันทางเรือของรัสเซีย

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียอย่างจีนและอินเดียมีการปรับลดการซื้อน้ำมันจากรัสเซียลง เนื่องจากกังวลด้านการเงินและความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตร อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงมองว่ารัสเซียอาจใช้บริษัทใหม่หรือบริษัทที่ไม่ถูกคว่ำบาตรในการส่งออกน้ำมันดิบเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว

• รายงานจากกลุ่มเปคพลัส (OPEC+) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคพลัสในปี 2569 อยู่ที่ 43 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดการณ์ว่าจะมีอุปทานส่วนเกินเล็กน้อยอยู่ที่ 20,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคพลัสในเดือน ต.ค.68 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 43.02 ล้านบาร์เรลต่อวัน

อย่างไรก็ตาม โอเปคพลัสได้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน ธ.ค. 68 อีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ทั้งนี้กลุ่มโอเปคพลัสยังไม่มีแผนการการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/69

• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและการบริการ และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและการบริการ เดือน พ.ย. 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 – 13 พ.ย. 68)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 59.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 63.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 427.6 ล้านบาร์เรล

สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.0 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงรุนแรง เนื่องจากยูเครนเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย เพื่อตัดรายได้จากภาคพลังงานของรัสเซียที่จะนำมาใช้ในการทำสงคราม โดยรายงานล่าสุดบ่งชี้ว่า รายได้จากภาคพลังงานของรัสเซียในเดือน ต.ค. 68 ปรับลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียมีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่าสหรัฐฯ ใกล้จะที่บรรลุข้อตกลงเพื่อปรับลดมาตรการภาษีศุลกากรกับอินเดีย หลังจากผู้นำสหรัฐฯ มองว่าอินเดียมีการทยอยปรับลดการนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียลงในช่วงที่ผ่านมา เพื่อช่วยสหรัฐฯ ในการกดดันให้รัสเซียกลับเข้ามาสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพอีกครั้ง